Lifestyle

บาดแผลจากอดีตที่เจ็บปวด อาจนำสู่ 'โรคหลายบุคลิก'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'โรคหลายบุคลิก' เป็นโรคทางจิตเวชรูปแบบหนึ่งที่พบได้น้อยมาก ผู้ป่วยจะมีบุคลิก หรือตัวตนมากกว่าหนึ่งบุคลิก โดยบุคลิกเหล่านี้จะเข้าควบคุมพฤติกรรมในบางช่วงขณะ

หลายคนอาจเคยเห็นตัวละครในหนัง หรือละครที่มีพฤติกรรมแปลกๆ มีหลายบุคลิก หรือหลายนิสัย เหมือนเป็นคนละคน อยู่ในร่างเดียวกัน บางทีตัวละครอาจไปทำร้ายใคร แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา กลับจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย ทำเหมือนเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งบ่อยครั้ง ในหนัง จะให้คำอธิบายว่า อาการเหล่านี้คือ โรคหลายบุคลิก หรือ โรคหลายอัตลักษณ์ ซึ่งในชีวิตจริงนั้น อาจไม่พบมากนัก แต่โรคนี้เป็นโรคที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของตัวเองและคนรอบข้าง

นพ.ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์

 

 

นพ.ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคหลายบุคลิก หรือโรคหลายอัตลักษณ์ เป็นโรคทางจิตเวชรูปแบบหนึ่งที่พบได้น้อยมาก โดยผู้ป่วยจะมีบุคลิก หรือตัวตนมากกว่าหนึ่งบุคลิก โดยบุคลิกเหล่านี้จะเข้าควบคุมพฤติกรรมในบางช่วงขณะ ซึ่งแต่ละบุคลิกจะมีความคิด ความรู้สึก ความทรงจำ และพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผู้ป่วยอาจสูญเสียความทรงจำในระหว่างการเปลี่ยนบุคลิก

 

สาเหตุของ โรคหลายบุคลิก ยังไม่ได้มีข้อสรุปชัดเจน สันนิษฐานว่าเกิดหลายปัจจัย ทั้งจากพันธุกรรมและประสบการณ์วัยเด็ก ที่อาจมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรงมาเป็นเวลานาน เช่น การโดนทำร้ายร่างกาย ถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก หรือสูญเสียคนที่รักไปเพราะเมื่อผู้ป่วยต้องเจอกับเหตุการณ์ที่รุนแรงทางร่างกายและจิตใจจนไม่สามารถรับมือได้ สมองจึงสร้างกลไกป้องกันตัวเองโดยเปลี่ยนเป็นอีกบุคลิกเพื่อตัดขาดจากความทรงจำและตัวตนเดิม

 

อาการของ โรคหลายบุคลิก

 

  • มีบุคลิกภาพ หรืออัตลักษณ์ 2 แบบขึ้นไป โดยแต่ละแบบแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และผลัดกันแสดงออกมา
  • ความทรงจำขาดหาย จำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรไป
  • ได้ยินเสียงในหัวแต่ไม่ใช่เสียงตัวเอง
  • มองกระจกแล้วจำตัวเองไม่ได้
  • ช่วงเวลาเปลี่ยนบุคลิกอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ และอาจเกิดขึ้นเพียงนาที ชั่วโมง หรืออาจเป็นวันๆ

 

ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการรักษา โรคหลายบุคลิก การกำหนดการรักษามักพิจารณาจากอาการ ความรุนแรง และปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการ โดยมาก การทำจิตบำบัด เป็นวิธีการรักษาหลัก จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะพูดคุยเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย และช่วยให้ผู้ป่วยได้พูดเกี่ยวกับความทรงจำอันเลวร้ายรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย เน้นการทำความเข้าใจสาเหตุ ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ในอดีต กับ อาการในปัจจุบัน ซึ่งบางเหตุการณ์อาจจะถูกตัดขาดจากความทรงจำในปัจจุบันผ่านกลไกทางจิต แต่ยังส่งสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก โดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ยังอาจมีการฝึกฝนให้ผู้ป่วยมีทักษะในการจัดการกับปัญหาของตัวเองได้อย่างเหมาะสม สำหรับการใช้ยานั้น ยังไม่มียารักษาโรคหลายบุคลิกได้โดยตรง แต่จิตแพทย์อาจมีการพิจารณาใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาต้านเศร้า สำหรับอาการวิตกกังวล อาการซึมเศร้า ทั้งนี้การรักษาโรคหลายบุคลิก มักต้องใช้เวลารักษายาวนาน และตัวผู้ป่วยเองก็ควรต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ทุกคนสามารถมีอารมณ์ พฤติกรรม ที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ได้อยู่แล้ว การที่ใครคนใดคนหนึ่ง มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ดีบ้าง ร้ายบ้าง ไม่ได้แปลว่า คนๆ นั้น เป็น โรคหลายบุคลิก หรือป่วยทางจิตเวช และบ่อยครั้ง อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นการตอบสนองที่เข้าใจได้ต่อสถานการณ์ ดังนั้น การพยายามทำความเข้าใจสาเหตุของอารมณ์ พฤติกรรม ที่เกิดขึ้น และเปิดใจรับฟัง จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ มากกว่าการที่จะไปด่วนตีตราเขาว่าป่วยทางจิตเวช

 

อย่างไรก็ตามหากเริ่มสังเกตว่าตัวเอง หรือคนรอบข้าง มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ พฤติกรรมของตนเอง ก็สามารถมาปรึกษาจิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยาได้ เพื่อรับการประเมิน และคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งการมาพบจิตแพทย์ นักจิตวิทยา ไม่ได้แปลว่า ป่วยทางจิตเวช เสมอไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ