“สุวพันธุ์”เผยพบ“สมเด็จฯชินวงศ์”ถือหาทางแก้ปม"ธัมมชโย"

     

     นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่านายสุวพันธุ์ นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าหารือกับ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค1 พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ที่กุฏิของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ โดยสมเด็จพระพุทธชินวงศ์รับปากว่าจะเข้ามาช่วยเจรจาปัญหาวัดพระธรรมกาย ว่า เรื่องนี้มีการหารือร่วมกับพระผู้ใหญ่หลายครั้งแล้ว และที่ผ่านมาตนก็ได้ให้นายพนมเป็นผู้ไปพูดคุย แต่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายตนให้เป็นตัวแทนไปร่วมงานสวดมนต์ ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่จัดขึ้นที่วัดพิชยญาติการามซึ่งทางวัดจัดให้รัฐบาลร่วม ตนจึงได้ถือโอกาสไปกราบท่านและพูดคุย

     “ ประเด็นมีอยู่นิดเดียวว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ได้เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่ต้นอยู่แล้วแต่ยังมิได้ออกปากอะไร แต่ที่คุยกันนั้นก็เพื่อหาทางออก หาทางพูดคุย ให้ได้ข้อยุติที่ไม่ทำให้เกิดการขยายตัว ไม่มีความขัดแย้งที่มากไปกว่านี้ ท่านเจ้าคุณสมเด็จท่านได้ขอปวารณาตัวท่านเองว่าจะเข้ามาช่วย ซึ่งผมถือว่าเป็นความเมตตาของท่านเจ้าคุณสมเด็จฯท่าน ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดของหนกลาง ส่วนจะมีอะไรที่ต้องดำเนินการต่อไปนั้นผมคิดว่าจะต้องมีกระบวนการพูดคุยกันอีกสักรอบหนึ่งว่าจะอย่างไร อะไรที่พอเหมาะ พอควร แต่เมตตาที่ท่านฯให้มานั้นผมคิดว่าเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ประตูที่จะออกมาว่ามีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ” นายสุวพันธุ์ กล่าว

     นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียนว่าคณะสงฆ์นั้นยึดมั่นในหลักการของกระบวนการยุติธรรมและพระธรรมวินัย เพราะจากที่หารือกับท่านฯและพระสงฆ์ทุกรูปต่างเห็นตรงกันหมดว่าเคารพกระบวนการยุติธรรม มีอีกประเด็นที่ท่านเจ้าคุณพูดกับตนว่าอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยท่านยินดี ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้คือความก้าวหน้าที่สำคัญ เป็นประตูที่จะไปต่อได้

     นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ในการพูดคุยนั้นยังไม่ได้เป็นรูปธรรมว่าท่านเจ้าคุณจะช่วยด้วยวิธีใด แต่การที่ท่านเมตตาในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีความซับซ้อน มีเหตุปัจจัยหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งข้อกฎหมาย ระเบียบ พระวินัย พ.ร.บ.สงฆ์ เรื่องการปกครอง ความเคารพนับถือกัน ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการในการพูดคุยอีกสักรอบหนึ่ง เป็นเหมือนกระบวนการทั่วๆไป

     ผู้สื่อข่าวถามว่า สมเด็จฯได้ชี้แนะแนวทางสำหรับแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า 1.ท่านยึดหลักว่าต้องการเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง 2.ท่านต้องการเห็นทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเห็นของคณะสงฆ์ ทั้งนี้เพื่อให้บ้านเมืองสงบ 

     ส่วนที่มีการพูดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2542 ครั้งที่สมเด็จวัดชนะสงครามบอกว่าถ้าธัมมชโยไม่มอบตัวจะปลดผ้าเหลืองเพื่อเปรียบเทียบ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “ไม่มี ไม่ได้พูด และผมไม่มีความเห็นเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวผมมองว่าปี 42 กับ 58 นั้นบริบทคนละเรื่องกันหรือไม่ซึ่ง 16 ปีมาแล้ว เวลาผ่านมาผ่านไป ประวัติศาสตร์ก็เป็นบทเรียน เป็นที่เรียนรู้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องนำบริบทของโลกปัจจุบันนี้มาดูด้วยว่าจะเป็นอย่างไรแล้วต้องเลือกวิธีการที่จะดำเนินการอย่างไร จุดหมายปลายทางคือทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ชาติบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ความขัดแย้งไม่ขยายตัวไปอีก ผมคิดว่านี่คือเรื่องสำคัญสำหรับบ้านเมืองของเราในพ.ศ.นี้”