ห่วงเงินปอนด์ร่วงดันสินค้าไทยแพง

          นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีสหราชอาณาจักร(UK) ลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) นั้นมองว่าอังกฤษยังต้องมีกระบวนการในการที่จะออกจากการเป็นสมาชิกอียูอีก 2-3 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ และเมื่อออกแล้ว ยังเชื่อว่าอังกฤษไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านการค้าใดๆ ที่จะแตกต่างออกไปจากการที่ยังอยู่ในอียูมากนัก หรือหากจะมีการปรับเปลี่ยนก็ยังต้องมีขั้นตอนในการเจรจาอีกมาก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในระยะสั้นนี้ คือกรณีค่าเงินปอนด์ อ่อนค่าลง และยังไม่แน่ใจว่าจะอ่อนค่าลงไปถึงระดับใด

          “สิ่งที่ห่วงคือค่าเงินปอนด์ดิ่งลงไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นจะทำให้ราคาสินค้าของไทยแพงขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์ ซึ่งก็น่าจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปอังกฤษในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า คำสั่งซื้ออาจลดลงไปได้ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปอังกฤษคิดเป็น 1-2% ของตลาดรวมทั้งหมด ยังไม่น่าห่วงกรณีที่ค่าเงินยูโร ซึ่งน่าจะอ่อนค่าลงตามไปด้วย หรือบางประเทศในอียู อาจจะต้องการแยกตัวออกมาบ้าง จะเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากดูในภาพรวมตลาดส่งออกของไทยไปอียู มีสัดส่วนเพียง 9% ลดลงจากสมัยก่อนที่เคยมีสัดส่วนตลาดการส่งออกสูงถึง 20% โดยไทยสามารถกระจายตลาดไปได้มากขึ้น”นายสมเกียรติ กล่าว

          อย่างไรก็ตาม กรณีอังกฤษออกจากอียูจริง มองว่าน่าจะส่งผลดีต่อการค้าของไทยในการที่ไทยจะสามารถเปิดตลาดค้าสินค้าได้โดยตรงกับอังกฤษเลย เพราะประเทศอังกฤษค่อนข้างจะเปิดรับสินค้าไทยมากกว่ายุโรป เช่นสินค้าไก่ จากเดิมยุโรปจะกำหนดเป็นโควตาการนำเข้าไก่ไทย และประเทศที่ค่อนข้างมีปัญหากับไก่ไทยคือฝรั่งเศส เมื่ออังกฤษออกมา และมีส่วนตัดสินใจด้วยตัวเองก็น่าจะเจรจาเปิดตลาดค้าสินค้าได้มากขึ้นได้