บันเทิง

'โม' มองวงการบันเทิงเป็นครู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "โม" มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ  เปิดใจกับการย้ายมาอยู่ภายใต้สังกัด "ช่อง 3" รวมถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปวงการมายา

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  ประเดิมจอ “ช่อง 3” กับละครเรื่อง “Teeใครทีมันส์” ทำให้หลายคนจับตามองนางเอกอย่าง “โม” มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ กันอย่างมากมาย เพราะต้องยอมรับว่าฝีมืออดีตนางเอก “ช่องวัน 31” คนนี้ไม่ธรรมดา งานนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสเจาะลึกนางเอกสาวชื่อดังถึงการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
 

    @@ ประเดิมจอช่อง 3 
    ละครเรื่องแรกกับทางช่อง 3 เป็นอย่างไรบ้าง

    “ตื่นเต้น ตื่นเต้นจริงๆ เพราะว่าเป็นผลงานที่เป็นเรื่องแรกกับทางช่อง 3 ด้วย และโมก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุดให้สมกับที่คนรอชมเรา เพราะว่าเราเองก็เว้นละครมาเป็นปีเหมือนกัน เหมือนกลับมาหลังจากที่แฟนๆ คิดถึง”

 

    มีแอบลุ้นไหมเพราะเป็นการเปิดตัวเรากับช่องใหม่กับทีมงานใหม่
    “โมรู้สึกว่าตื่นเต้นมากกว่า ถ้าถามว่าลุ้นว่ามันจะต้องเป็นละครที่ดังหรือจะต้องปัง สำหรับโมแค่อยากให้คนดูสนุกแล้วรู้สึกมีความสุขกับการดูละครเรื่องนี้มากกว่า”

 

    ในเรื่องนี้รับบทเป็น “มิตตา” เธอเป็นคนอย่างไร
    “มิตตาเป็นนักธุรกิจสาวที่จริงๆ เป็นคนค่อนข้างเก็บกด เก็บกดจากแม่ เมนหลักเลยในชีวิตคืออยากได้รับการยอมรับจากแม่ตัวเอง ทำทุกวิถีทางเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็น ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับน้องนาย (ณภัทร เสียงสมบูรณ์) พระเอกในเรื่อง หรือกับพี่อเล็กซ์ (อเล็กซ์ เรนเดลล์) และคนอื่นๆในเรื่อง”

 

    ความรู้สึกของโมกับบทบาทมิตตามันท้าทายอย่างไร
    “อย่างแรกเลยคือการเป็นนักธุรกิจ ซึ่งมันไกลตัวเรา ในเรื่องเราจะต้องเป็นคนเก่งและต้องเป็นคนที่มีทัศนคติในเรื่องธุรกิจ มันค่อนข้างยากสำหรับโม มิตตาจะต้องมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนมาก ในความรู้สึกที่ว่าแม่ไม่รัก มันขัดกับตัวโม เพราะในชีวิตจริงคือแม่รักเรามากและโอ๋เราตลอด แต่ในเรื่องมันไม่ใช่ (ยิ้ม) ซึ่งโมจะไม่เข้าใจจุดนั้นและต้องไปหาเอา”

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

 

    ต้องทำการบ้านเยอะแค่ไหน เพราะว่าทั้งคาแรกเตอร์และอารมณ์ของตัวละคร ต่างจากชีวิตเรามาก
    “ต้องดูหนัง ต้องหาหนังดูเรื่อยๆ ต้องหาตัวอย่างของผู้หญิงที่ข้างนอกแข็ง ข้างในเจ็บปวดมันคือยังไง ซึ่งคนมองว่าโมเล่นดราม่ามาเยอะ แต่โมว่ามันไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าดราม่ามีหลายแบบ อย่างเรื่องนี้คือเสียใจแต่ไม่แสดงออก ไม่ฟูมฟายออกมา แต่โมโชคดี เพราะว่าคนที่รับบทแม่ในเรื่องคือพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) พี่ต๊งเป็นนักแสดงที่มีฝีมือมาก พี่ต๊งช่วยโมเยอะมาก คอยช่วยส่งอารมณ์ เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี โมไม่เคยทำงานกับพี่ต๊งมาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่อยู่ช่องวัน เคยเจอกัน เรียกว่าเล่นเรื่องเดียวกันตอนอีสา แต่อีสามีหลายส่วนมาก ซึ่งโมไม่ได้เจอกับพี่ต๊งเลย”

 

    พอต้องมาแสดงร่วมกันเป็นอย่างไร
    “เอาตรงๆ เลยนะ คือโมเกร็งอยู่แล้ว เพราะว่าพี่ต๊งเป็นคนที่เก่งมาก เรากลัวจะเป็นภาระ กลัวไปไม่ถึงจุดนั้นตามมาตรฐานที่พี่เขามี แต่พี่ต๊งน่ารัก เป็นกันเองมากเวลาอยู่นอกฉาก แต่พอเข้าฉากคือเล่นจริง จะส่งอารมณ์มาช่วยเราตลอด”

 

    หายจากละครไปนาน ต้องเคาะสนิมไหม
    “ไม่นะ (ยิ้ม) คนมองว่าห่างไปนาน โมแค่รู้สึกว่ามันเป็นวิชาที่อยู่ในตัวอยู่แล้ว สำหรับโมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นงานใหม่ที่เราไม่ถนัด แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่โมชอบ และโมก็ทำได้ตลอด”

 

    การร่วมงานกับ 2 พระเอก “นาย” และ “อเล็กซ์” เป็นอย่างไรบ้าง
    “น่ารักทั้งสองคนเลย น้องนายน่ารักมาก เราจะมีเรื่องที่คุยกันได้ตลอดเวลา อย่างเช่นเรื่องกล้อง เรื่องท่องเที่ยว ในส่วนของการทำงานก็ไม่มีอะไรที่ต้องปรับจูน เรามีการพูดคุยตกลงกันก่อน ส่วนพี่อเล็กซ์คือไม่ต้องห่วงเลย เขามืออาชีพมาก เขาเป็นอีกคนที่เราอยากร่วมงานมานาน เพราะว่าโมดูละครเขาหลายเรื่อง และรู้สึกประทับใจ เขาคือนักแสดงที่เป็นนักแสดงจริงๆ เป็นคนน่ารัก และมีความตั้งใจในทุกๆ เรื่องๆ ในทุกๆ บท เขาจะเตรียมตัวและทำการบ้านมาตลอด"

 

    คาดหวังอย่างไรกับละครเรื่องนี้
    “อยากให้แฟนๆ ช่อง 3 ให้โอกาสโมหน่อย (ยิ้ม)  ดูผลงานเรา”

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

 


    @@ เปลี่ยนเส้นทาง
    ปรับตัวเยอะไหมกับการมาทำงานที่ช่อง 3

    “ไม่เลยนะ โมว่าการทำงานที่ไหนคล้ายๆ กันหมดนะ ความโชคดีของโมคือทีมงานเมกเกอร์ เค พี่หนุ่ม (กฤษณ์) น่ารัก ทุกคนเป็นกันเอง ดูแลดีมาก การได้รับการดูแลที่ดี เหมือนเป็นการช่วยเซฟพลังงาน เพื่อที่ให้เราเต็มที่กับงาน”  


    มองอนาคตของชีวิตการเป็นนักแสดงไว้อย่างไร
    “เอาจริงๆ โมไม่รู้ เพราะโมยังไม่เคยคิดถึงจุดจบหรือปลายทางของชีวิตการเป็นนักแสดงไว้เลย คือโมคิดแค่ว่าตอนนี้พอใจ และรู้สึกสนุกกับงานมากๆ ความรู้สึกของโมคือ โมเป็นนักแสดง เราเล่นบทอะไรก็ได้ มันคือส่วนหนึ่งของอาชีพ ตามวาระ ตามอายุในอาชีพนั้นๆ มันมีการพัฒนาไปตลอดอยู่แล้ว แค่ขอให้บทนั้นมีความท้าทายกับฝีมือเรา ว่าเราจะทำออกมาดี”

 

    เวลาเลือกรับงานแสดงอะไรที่จะเป็นตัวดึงดูดโม
    “บท ตัวละคร ความมีมิติของมัน ไม่ได้เกี่ยวว่าเรื่องนั้น ผู้กำกับคือใคร พระเอกคือใคร ละครฟอร์มยักษ์ไหม สำหรับโมสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องรองลงมาเยอะๆ เลย ถ้าบทนั้นน่าสนใจ ท้าทาย เราอยากเล่นคือโมยินดีรับเลย”

 

    เท่าที่พูดมา ดูเหมือนโมจะรักและยึดในตรงนี้ ต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร
    “โมไปเรียนอยู่ตลอด ทั้งเรียนแอ็กติ้ง เรียนอะไรที่ช่วยเสริม ก่อนหน้านี้โมไปเรียนคอร์สการแสดงที่นิวยอร์กมา เป็นคอร์สสั้นๆ มันทำให้โมได้เรียนรู้เลย ที่ผ่านมาเราอยู่ในโลกของเรา จนบางทีเราลืมตัว แต่การไปที่นั่นมันเปิดโลกให้เรา ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราไม่ได้ไปเป็นใครทั้งนั้น เป็นแค่ฝุ่นเล็กๆ ของโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นอย่าทะนงตัว อย่าหลงละเลิง การเรียนครั้งนั้นทำให้เราเปลี่ยนไปเลย ปลายปีนี้ก็จะไปเรียนแอ็กติ้งที่เกาหลีอีก”

 

    โมเข้ามาในวงการนี้จริงจัง ไม่ได้เข้ามาเล่นๆ  
    “โมชอบ คือต่อให้ไม่ได้เป็นนักแสดง โมก็อยากเป็นแอ็กติ้งโค้ช อยากทำเบื้องหลัง ถ้าสมมุติว่าสักวันหนึ่งโมไม่ได้เป็นนักแสดงแล้ว แต่โมยังชอบตรงนี้ โมเลยรู้สึกว่าโมอยากอยู่ตรงนี้ ในฐานะอื่นๆ อย่างงานเบื้องหลัง คือโมได้เห็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีทุกๆ วัน มันทำให้เราเรียนรู้ และโตขึ้น”

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

 

 

    @@ โลกส่วนตัว
    การมาอยู่ตรงนี้ทำให้ชีวิตโมเปลี่ยนไปเยอะไหม
    “เยอะนะ มันทำให้เราโตขึ้น มันทำให้เราเป็นคนที่ดีกว่าเดิม การมาอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นครูของเรา ถามว่าอะไรที่เปลี่ยนไป โมว่าวิธีคิด เมื่อก่อนโมเป็นคนไม่ยอม ถ้าเราไม่ผิด ถ้าเราไม่เข้าใจ คือโมเป็นคนแข็งมาก เหมือนเส้นตรง ถ้าเจออะไรก็คือชนไปเลย ไม่มีหลบ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ผิดทำไมเราต้องยอม ซึ่งมันไม่ได้ ด้วยพื้นฐานของสังคม วัฒนธรรม ถ้าเราจะอยู่ตรงนี้มันต้องมีความประนีประนอม"

 

 


    เมื่อก่อนเป็นคนตรงขนาดไหน
    “ตรงมาก คือเมื่อก่อนโมจะยึดเลยว่า ถ้าไม่ผิดทำไมเราต้องยอม แต่เดี๋ยวนี้โมเลือกที่จะมองข้าม และให้อภัย เรื่องบางเรื่องบางทีเราก็ต้องปล่อยมันไป เราไปแก้ไขคนอื่นไม่ได้ เราเลือกที่จะแก้ไขตัวเองดีกว่า ไม่ต้องไปหาข้อพิสูจน์ว่าทำไม ใครคือต้นเหตุ เรามีอย่างอื่นที่มีประโยชน์ให้ทำมากกว่านี้”

 

    พอคิดและเปลี่ยนตัวเองไปแล้วเป็นอย่างไร
    “เรามีความสุขมากขึ้นนะ แต่ไม่ได้หมายถึงว่า โมจะยอมทุกเรื่อง คือมันแล้วแต่ความเหมาะสม การที่เราอยู่ตรงนี้ เราโตด้วยวุฒิภาวะ  และโตด้วยอายุด้วย (หัวเราะ)"

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

    ครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง
    “พ่อแม่โมไม่ได้บังคับเลย โมชอบวิธีการสอนของที่บ้านโมมากเลย เขาจะเป็นห่วงอยู่ห่างๆ แล้วให้เราเรียนรู้และเจอกับสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ที่บ้านโมจะเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่ายแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ โมเรียกว่าการให้เกียรติ ซึ่งมันคือพื้นฐานที่ดี สิ่งที่พ่อกับแม่จะขอเลยมีอยู่เรื่องเดียวคืออย่าไปรุกล้ำคนอื่น ต้องให้เกียรติ”

 

    มีไหมช่วงเวลาที่เราหลงละเลิงกับการเป็น “โม” มนชนก ในวันนี้
    “โมว่าไม่มีนะ คือโมมีคนรอบข้างดี ทั้งพ่อแม่ ทั้งเพื่อน ทั้งพี่แพร ผู้จัดการของโม หรือคนที่อยู่รอบข้าง เขาดี คนเราต้องมีคนเตือนสติ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนนะที่กล้าเตือน ถ้าเขาไม่รักเรา เขาไม่เตือนหรอก”

 

    ก่อนหน้านี้คนมองว่าโมหยิ่ง
    “โมว่าการที่โมอยู่ตรงนี้ มันก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วล่ะ อะไรที่คนมองว่าหยิ่ง และอะไรที่คนมองว่าไม่หยิ่ง มันเป็นการวัดด้วยความรู้สึกของคน ซึ่งความรู้สึกของคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว ถามตอนนี้ว่าโมหยิ่งหรือไม่หยิ่ง โมตอบอย่างนี้ดีกว่า โมทำดีที่สุดในทุกๆ สถานะที่โมทำ”

 

    นิสัยส่วนตัวโมเป็นคนอย่างไร
    “ร่าเริง (หัวเราะ) จริงๆ โมเป็นคนเฉยๆ กับทุกเรื่อง น้อยมากที่จะเห็นโมสนุก โมโห หรือเสียใจ หรือเศร้า เพื่อนสนิทจะรู้เลยว่าหน้าแบบนี้คือสนุกแล้ว สนุกแล้วก็คือเฉยๆ (หัวเราะ) เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่ค่อยแสดงออกในทุกเรื่อง”

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

 

    @@ รักแบบธรรมชาติ
    ความรักเป็นอย่างไรบ้าง

    “เฉยๆ ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากให้มีชื่อในข่าว (หัวเราะ) เป็นคนขี้อาย”
    ตอนนั้นที่เขามาคบกับเรา เขาคิดไหมว่าเขาต้องมาอยู่ในจุดสนใจ
    “เขาไม่รู้ไง เขาไม่เคย เขาไม่รู้ด้วยว่ามันต้องมาถึงจุดไหน เพราะเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยเข้าใจวงการ ตอนนี้ถามว่าเขายังงงอยู่ไหม ก็ไม่งงแล้วนะ แต่ก็ยังไม่อยากมีชื่อในข่าว อยากเก็บตัว ช่วงแรกๆ คือเขางงหนักมาก เพราะมีทั้งการไปขุดรูป หาประวัติต่างๆ ตัวโมเองก็งง แต่ทุกวันนี้ก็เลือกทำตัวเฉยๆ”

 

 

    ไม่เคยคิดว่าความรักครั้งนี้จะต้องถูกจับตามอง
    “ใช่ ทั้งตัวเขา และที่บ้านเขา ไม่ได้ทำงานอยู่ในวงการ เขาไม่เข้าใจหรอกว่ามันจะต้องอะไรเบอร์ไหนยังไง แล้วเราเองก็ไม่ใช่แบบหวือหวา ต้องลงรูปอะไร”

 

    เลือกที่จะเปิดเรื่องความรักน้อยที่สุด
    “โมเป็นผู้หญิง และไม่อยากพูดเยอะ เพราะว่าเราไม่รู้อนาคตว่ามันจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นมันพูดยาก”

 


    มุมมองความรักตอนนี้เป็นอย่างไร
    “มุมมองความรักตอนนี้คือรู้สึกว่าเราต้องทำตัวเองให้ดีก่อน ทำให้เราและครอบครัวเรามีความสุขก่อน เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง แล้วอีกอย่างโมเป็นคนไม่ชอบผิดหวัง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปถึงการผิดหวัง เราต้องไม่คาดหวังในสิ่งที่เราจับต้องไม่ได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติไป”
    ตัวตนของ “โม” มนชนก

 

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

 

 

 

\'โม\' มองวงการบันเทิงเป็นครู

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ