‘เขื่อน ภัทรดนัย’ เปิดปมฝังใจ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ เผยบทเรียนที่ได้จากรัก
เมื่อ เขื่อน ภัทรดนัย ได้มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมและเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมของหัวใจ ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงบทเรียนที่ได้จากความรักที่ผ่านมา และ การจีบแบบสไตล์ของ เขื่อน พร้อมกับเปิดปมฝังใจคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ
เขื่อน ภัทรดนัย : เขื่อน โตมากับความรู้สึกว่า ตัวเองไม่ดีพอ คุณค่าของ เขื่อน ไม่ดีพอ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดจะดีพอ อย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราต้องดี งานต้องดี performance ต้องดี ต้องเป็นคนที่ดี เรียนต้องดีทุกอย่างต้องควบคุมได้ เพราะเรารู้สึกว่าถ้าคนเห็นสิ่งที่เราเป็นเนื้อแท้ของ เขื่อน ก็ตอนนั้นไม่ได้เป็นนักร้อง ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ไม่ได้ตัดผมทรงนี้คนต้องไม่รักเราแน่เลย ขนาดเรายังรักตัวเองไม่ได้เลย ถ้าเรารักตัวเองไม่ได้แล้วใครจะมารักเรา
เพราะฉะนั้นเป็นแรงกดดันที่กระทบ เขื่อน มากๆตั้งแต่เด็ก แต่มันมาชัดตอนที่เป็นนักร้อง เพราะเสียงข้างนอกมันเยอะมันมีคนที่พร้อมจะโจมตีเรา และ ก็รู้สึกว่า เออ .. ถ้าเกิดว่าฉันเป็นคนดีพอ ให้คนที่เกลียดเราแล้วรักเราได้เราต้องทำทุกอย่างที่เราทำได้ในการควบคุมของเราให้ดีที่สุด
ถาม คนใกล้ตัวของเราที่สุดเป็นอย่างไร คุณแม่ ครอบครัว
เขื่อน ภัทรดนัย : ตอนนั้น เขื่อน เห็นว่ากระแสมันเริ่มไม่ดีแล้ว กระแสในโลกอินเตอร์เน็ตว่าเราเป็นอะไร คนพยายามบอกว่าเราเป็นเกย์ เราเป็นตุ๊ด เราเป็นกะเทย ซึ่งในตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรเพราะตอนนั้นเราทำงานอยู่ ดังมาก ตอนนั้นคือพีคเลยก็เลยบอกคุณแม่ จำได้เลยว่าวันนั้นไปงานเสร็จมาแล้วก็เหนื่อยมาก เหนื่อยมากๆจริงๆ อันนี้เป็นหลักจิตวิทยาเวลาเราเหนื่อยมากจริงๆเราจะพูดในสิ่งที่เราอาจจะไม่พูดเวลาเราไม่เหนื่อย เดินไปหาคุณแม่เลยแล้วก็ปลุกคุณแม่ คุณแม่นอนอยู่คุณแม่นอนอิ่มคาร์โบไฮเดรตอยู่ จำได้เลยเขย่าคุณแม่แล้วคุณแม่ก็คือว่าไง .. ว่าไงหนู คุณแม่ก็ตื่นขึ้นมามึนๆ เขื่อนก็บอกคุณแม่ว่า .. แม่หนูคิดว่าหนูไม่ใช่ผู้ชายหนูคิดว่าหนูเป็นเกย์ เขื่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกย์คืออะไร ไม่ใช่ผู้ชายคืออะไร แค่พูดแค่นี้ไปก่อนว่าสิ่งที่ เขื่อน คิดว่าสังคมบอกว่าเขื่อนเป็น เขื่อน คิดว่าเขื่อน ไม่ใช่คุณแม่ก็มองแบบมึนๆนิดนึงค่ะ แล้วก็จับไหล่แล้วก็บอกว่าใช้ชีวิตให้มีความสุขนะลูก โอเค … แล้วก็นอนต่อ ซึ่งทุกวันนี้พอมองกลับไปเรารู้สึกมันเจ๋งมากสำหรับครอบครัวที่เราเกิดมาเนี่ย จะยอมรับเราแบบนี้มันดีมากแต่ในโมเมนต์ตอนนั้นเราช็อต เราเตรียมตัวมาแล้วว่ามันจะมีซีนอารมณ์ กอดกันร้องไห้ซีนดราม่าอย่างนี้มันไม่มี มันกลายเป็นแบบสบายสบายตื่นมาอีกวันหนึ่งไม่มีอะไรลูกทำอะไรลูกทำเลย และคุณแม่ก็เป็นอย่างนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
ถาม วันนี้นิยามตัวเองได้หรือยังว่า LGBTQ+ เขื่อนคือ
เขื่อน ภัทรดนัย : ตัวนิยามที่เข้ากับ เขื่อน มากที่สุดเลยคำว่า Queer คำว่า Queer ก็คือ ตัว Q ครับ ไม่ใช่เจเนอร์อย่างเดียวแต่เป็นการใช้ชีวิตไม่ตายตัวมีความลื่นไหลเป็นคำที่หาคำนิยามไม่ได้ครับ จริงๆแล้ว เขื่อน หลงรัก เขื่อน มีใจสนใจคนทุกรูปแบบ
ถาม ต้องยอมรับการเป็น LGBTQ+ เขื่อน เองก็เคยโดนบูลลี่หนักหนามากเหมือนกัน ??
เขื่อน ภัทรดนัย : เรื่องบูลลี่ตอนเด็กๆคือโดนบูลลี่หนักมาก ๆๆๆ ตอนที่อยู่กามิกาเซ่ ตอนนั้นประมาณ 13-14 บางคนเขาพูดว่าเราเป็นกะเทยเป็นตุ๊ดทำตัวเป็นผู้ชายหลอกเราอยู่ พอโตมาก็ยังเยอะอยู่ใน DM หรือ ข้อความถูกขู่ฆ่า ขู่ทำร้ายร่างกายเพราะเขาเห็นเราแล้วไม่พอใจ ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้จักเราเลย
ถาม ถามถึงเรื่องหัวใจกันบ้าง เขื่อน ได้อะไรจากบทเรียนของความรักที่ผ่านมาบ้าง ??
เขื่อน ภัทรดนัย : รักทั้ง 3 รักมี 3 บทเรียนหมดเลย รักแรกบทเรียนที่ได้ก็คือความรักที่ให้ทุกอย่างยอมทุกอย่างยอมทุกอย่าง เป็นรักที่ไม่มีขอบเขตของตัวเองยอมจนวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเขาดีกับเรามาก แต่สิ่งที่ดีที่เขาบอกว่าดีกับเรามันดีสำหรับเขาแต่มันอาจไม่ดีสำหรับเรานึกออกไหมครับ เราก็อยากเป็นตัวของตัวเองจังเลย ซึ่งสิ่งที่เขาทำมันเกิดจากความหวังดีหมดเลยพี่ดีกับหนูมากและพี่ดีกับหนูมาตลอด แต่วันนั้นหนูต้องโตแล้ว เราต้องเริ่มใช้ชีวิตในแบบของตัวเราเองมากขึ้น ใช้ชีวิตก็เลยตัดสินใจบอกพี่เขาว่าเราเลิกกันเถอะก็เลยได้บทเรียนอันดีมาเลยก็คือว่า ความรักแบบที่ให้เขาหมดเลย ยอมเขาหมดเลยแบบไม่มีขอบเขตเป็นอย่างไรก็ได้ประสบการณ์ชีวิตตรงนั้นมาค่ะ แต่มันก็เลยพุ่งไปโจทย์อันที่ 2 ต่อเลยนะคะ การรักแบบดื้อก็เราเคยให้ไปหมดแล้ว เราก็อยากรู้ว่าความรักที่ฉันจะเป็นฉันเองแล้วนะ พี่ทั้ง 2 คนดีมาก พี่คนที่ 2 ก็ให้ ตรงที่เขายอมได้เขายอมตรงไหนที่ เขื่อน เสียสละ เขื่อน ก็เสียนะคะตรงไหนที่เขาเสียสละได้เขาก็เสีย แต่เรื่องนี้เรากล้าพูดออกโทรทัศน์ เพราะว่าเรื่องพวกนี้ เขื่อน คุยกับเขาตลอด เขื่อน พยามปรับแล้วจริงๆแต่มันปรับไม่ได้เพราะเราเป็นอย่างนี้มาตลอดสี่ปีแล้วเขาก็เป็นอย่างนี้มาสี่ปี อยู่ดีๆจะค่อยๆพลิกบทบริบทอย่างนี้ปรับอย่างนี้มันค่อนข้างพอสมควรครับ เราเล่าอย่างนี้มันฟังดูเหมือนเลิกเลยไม่ได้เราเลิกเลย เราทำให้ดีที่สุดจริงๆแล้วจนเรารู้ว่ามันไปต่อไม่ได้ ความรักครั้งที่สองให้บทเรียนเราคือ รักที่เขาตามใจและให้หมดเลยเป็นอย่างไรครับเพราะเขาเอาใจเราจนเราเคยตัวแน่นอนเลยครับ 100 เปอร์เซ็นต์ สิ่งหนึ่งที่ เขื่อน กล้าพูดเลยกับตัวเองเลยคือ เขื่อนรับผิดชอบคำพูด เขื่อน รับผิดชอบความรู้สึกตัวเอง เขาตามใจเอาใจเรา ถ้าความรู้สึก เขื่อน นะมันก็เลยกลายเป็นโลกของเรา ของเราโลกที่แปลว่าโลกของ เขื่อน มันไม่ใช่โลกของเราสองคน แต่พอวันหนึ่งที่เขาไม่ให้เราก็จะรู้สึกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนความรักครั้งที่ 3 ก็เป็นรักที่เราเจอตรงกลางแล้ว ทำงานสุขภาพจิตเหมือนกันมีหนวด มีพุง ใจดี สเปกเลย 100 เปอร์เซ็นต์ เข้าใจกันจำได้เลยเจอกันผ่านทวิตเตอร์ เขียนเรื่องสุขภาพจิตเนี่ยแหละ ชอบงานเขาชอบสิ่งที่เขาเขียนเราก็ทวิตฯได้หาเลยว่า ชอบงานเขียนคุณมากเลยปลื้ม แต่เขาก็พิมพ์มาหาเราเลยว่าถ้าอันนี้จีบ ฉันไม่อยากมีแฟนนะ เขาก็ชัดเจนเหมือนกัน เราก็โอเคแล้วก็ไปเจอกันกินข้าวกัน แล้วก็เข้าลูปเดิมสุดท้ายก็กลายเป็นแฟนค่ะ คลิกมากเลยเป็นแฟนกัน คู่กัน สุดท้ายก็คือ เขื่อน ขอเขาแต่งงานค่ะ จำได้เลยว่าตอนที่เขาตอบตกลงเรายังถามเขาอยู่เลยว่าแบบตกลงจริงๆใช่ไหม คนนี้เราขอแต่ง แต่พี่ๆอีกสองคนก็ขอแต่งเหมือนกันนะคะ สำหรับคนที่สามเราก็ได้มีพิธี ได้นั่งรถม้า ได้ใส่สูท สนุกมาก ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ก็คือการเจริญเติบโตค่ะ
ถาม แล้วการจีบสไตล์ เขื่อน เป็นแบบไหน
เขื่อน ภัทรดนัย : ทุกวันนี้ในวัย 31 เวลาไปกินข้าวกับใครที่ไม่รู้จัก ที่ไม่ได้คุยงาน เขื่อน ต้องถามก่อนเลยว่าอันนี้คุณจีบ เขื่อน หรือว่าคุณแค่อยากรู้จัก เพราะไม่งั้น เขื่อน จะงงจะมีหลายครั้งมากที่กลับมาจากกินข้าวกับคนคนหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าวันนี้ดีจังเลยได้รู้จักคนที่คิดเหมือนเราทำงานวิจัยเหมือนเราแล้วได้เจอกันอีกสองสามครั้งรู้ตัวอีกทีคือนั่งจูบปากเราอยู่ แล้วเราก็แบบจูบปากเราโอเคนะ เราแค่นึกว่ามันเป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นใครที่จะเข้ามาจีบช่วยบอกตรงๆหน่อย เพราะเขื่อนเป็นคนแยกไม่ออกเรื่องนี้ ทำตัวไม่ถูกชีวิตนี้เกิดมาเขื่อนเคยมีแฟนแค่สามคน ทั้งสามคนนี้ เขื่อนปฏิบัติเหมือนกันหมดเลยก็คือ อย่างนี้เลยแทบจะก้มหัวแล้วบอกว่าขอจีบนะ ทั้งสามคนพูดเหมือนกันหมดเลยว่าไม่เอาแล้วก็ไม่สนใจด้วย เขื่อน มีปรัชญาหนึ่งในชีวิตก็คือว่า ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดมันไม่ดีแล้วเราจะได้รู้ว่าอย่างน้อยเราทำดีที่สุดแล้ว และมันไม่มีคำว่า What if .. ถ้าหาก เราไม่มีทางเปลี่ยน What if ได้ มันก็จะเป็นถ้าหากตลอดไป ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่บอกว่าขออนุญาตจีบนะ .. เพราะว่าเราไม่กล้ามองหน้าใครถ้าชอบใครเราจะไปแล้วคุยไม่ได้เลยกลัวอย่างนี้เลยค่ะ แล้วแฟน เขื่อน ก็คืออายุมากกว่าเข้มๆเป็นพี่หนวด เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาก็ปฏิเสธเราหมดเราก็โอเคเพราะเราก็ดูแลเขาเหมือนที่เราดูแลคนอื่น คือรู้สึกว่าเขาก็เริ่มรู้สึกว่าไปทางนี้มันเริ่มจะไม่ดีแล้วมั้ง เขาก็จะโอเคเป็นแฟนกันไหม เราก็จะโอเคๆเป็นแฟนกันได้ค่ะๆ ซึ่งพี่ๆทั้งสามคนคือคนที่ใช่สำหรับ เขื่อน หมดเลยทุกวันนี้ถ้าเขามีปัญหาอะไร โทรมาหรือว่าถ้ามีอะไรที่ต้องการให้ช่วย ช่วยหมดเลยเต็มที่ เพราะว่าเราเลือกแล้วเราไม่ได้เลือกเขาในวันที่ดีและเราก็ไม่ได้เลือกเขาในวันที่ไม่ดีครับ เราเลือกเขาที่เขาเป็นเขา เป็นคนคนหนึ่งอย่างนี้ เพราะฉะนั้นทั้งสามคนคือ คนที่ใช่ แค่วันนี้เขาไม่ได้เป็นคู่ชีวิตเรา แต่เขาเป็นคนที่สำคัญในชีวิตเราทั้งสามคน
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
https://youtu.be/qtuuTFU3iys
https://youtu.be/w-eoXDUxPkM
https://youtu.be/xMniH7s4lZo