ฮีโร่ในชีวิตจริง "หมอวิศรุต" เข้าช่วยเหลือ - ปั๊มหัวใจ "เอส กันตพงศ์" จนนำตัวส่งถึงโรงพยาบาล ล่าสุด เปิดวินาทีช่วยเหลือกับ คมชัดลึกบันเทิง พร้อมวิทยาทานแก่คนทั่วไป
ความคืบหน้าอาการป่วย หลังพระเอกดัง "เอส กันตพงศ์" วูบหมดสติลงในงานอีเวนท์ช่องและเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด่วนในห้อง ICU นานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งมีภรรยาสาวชาวต่างชาติ และลูกสาววัยน่ารัก เฝ้าติดตามให้กำลังใจแทบ 24 ชั่วโมงควบคู่ไปกับทีมแพทย์ที่เฝ้าดูอาการพระเอกดังต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว โดยย้ายจากห้อง ICU มาอยู่ห้องพักฟื้นตามปกติ
ล่าสุด ทางด้านแฟนสาวได้โพสต์ภาพคู่ พร้อมเล่าความประทับใจให้กับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือขณะเกิดเหตุภายในงาน ระบุข้อความว่า "ต้องขอกล่าวคำว่า ขอบคุณมากๆ แก่คุณหมอวิศรุต @visaruthboss ที่มาพบกันเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่บังเอิญไปงาน Big Debate ทางช่อง CH7 ที่อยู่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์เมื่อสามีของฉัน @s_kantapong เกิดอาการหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน"
"คุณหมอวิศรุตเป็นแพทย์ฉุกเฉินในช่วงเวลานั้นและมีส่วนสำคัญในการช่วยชีวิตสามีของฉัน เราขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งและจะจดจำบุญคุณในความช่วยเหลือนี้ตลอดไป
ซึ่งคงไม่มีคำขอบคุณใดที่จะเพียงพอต่อการช่วยเหลือในครั้งนี้"
ล่าสุด ได้ติดต่อไปทางคุณหมอ "วิศรุต ศศิโภคา" ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าวๆว่า "วันที่เกิดเหตุ ผมไปรับแฟนกลับบ้าน เดินผ่านไปพอดี พบเห็นคนไข้วัยกลางคนหมดสติ จึงเข้าไปช่วยเหลือ ขณะนั้นอุปกรณ์มีอย่างจำกัด แต่เพียงพอสำหรับการช่วยเหลือกู้ชีวิตเบื้องต้น คือมี ambu bag ต่อถัง oxygen มี oral airway มี AEDs ตรงหัวมุมหลุยวิตอง พอดีครับ จึง call for help ตะโกนว่าคนไข้หัวใจหยุดเต้น
โดยให้พี่ ร.ป.ภ.ไปหยิบเครื่อง AEDs ให้พี่นักข่าวช่องหนึ่งช่วยติดต่อ 1669 ส่วนผมกับพี่ผู้ช่วย ต้องอยู่ตำแหน่ง CPR กับ AW เปรียบเสมือนหัวใจกับปอดเทียมให้คนไข้ ต่อมา ได้นำส่งโรงพยาบาลตำรวจ โดยระหว่างทางผมคอยช่วยปั๊มหัวใจอยู่ตลอด" อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเชิงลึกขอให้เป็นทางญาติเป็นผู้ให้ข้อมูล
ทั้งนี้หากคนทั่วไปรู้จักการช่วยเบื้องต้น แค่สองมือของเราก็ช่วยคนไข้ได้ครับ วิธีการกดหน้าอกเพื่อช่วยเหลือ หรือ "basic life support (BLS)" มีรายละเอียด 5 ข้อ ได้แก่
- กดหน้าอกให้ลึกพอ
- กดหน้าอกให้แรงพอ
- ต้องรอให้หน้าอกคืนตัวก่อนกดย้ำลงไป
- ห้ามบีบอากาศเข้าปอดบ่อยเกินไป ดังนั้นคนปั๊มต้องประสานงานกับหัวเตียง (หรือ airway) อย่างลงตัวโดยอัตราส่วน 30:2 คือ กดหน้าอก 30 ครั้ง ช่วยหายใจ 2 ครั้ง
- ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มือของเราห้ามออกจากอกคนไข้ ต้องทำต่อเนื่อง ไม่ควรเสียเวลาเกิน 10 วินาที ระหว่างนั้นต้องติดเครื่องกระตุกหัวใจเพื่อวิเคราะห์คลื่นหัวใจว่าช้อคไฟฟ้าได้ไหม ซึ่งนี่คือ key อีกอันครับ ควรมีการติดตั้ง AED ให้ครอบคลุม พร้อมใช้งาน พอคนไข้คงที่พอควร ขั้นตอนต่อไปคือนำตัวคนไข้ส่งถึงโรงพยาบาลใกล้ๆให้เร็วที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง