นครปฐม - ราชบุรี ถ้าหากพูดถึง 2 จังหวัดนี้น้อยคนนักที่จะไม่เคยมา หรือเคยผ่าน อย่างน้อยก็ต้องมีสักครั้งที่เคยลิ้มลองข้าวหมูแดงนครปฐมที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอร่อย หรือสายแคมปิ้งอย่างน้อยก็คงต้องเคยไปนอนกลางดินกินกลางทรายที่สวนผึ้งกันบ้าง
ทั้งสองจังหวัดที่กล่าวมาไม่ได้มีดีแค่ข้าวหมูแดง หรือแค่สวนผึ้ง หากแต่ว่าวันนี้ทั้งสองจังหวัดมีดีมากกว่านั้น แต่จะเป็นที่ไหนต้องติดตามครับ
ครั้งนี้เราได้การชักชวนจากการท่องเที่ยวราชบุรีโดยผอ.ปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ให้ร่วมเดินทางมาใช้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวใกล้บ้าน เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าจังหวัดราชบุรีและนครปฐมมีความพร้อมเพียงใดที่จะเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยียน จับจ่ายใช้สอย
นัดหมายรวมพลกันที่ เดอะศาลายา เลเซอร์ ปาร์ค ที่นี่เป็นเหมือนชอปปิงมอลล์ทั่ว ๆ ไป แต่เพิ่มส่วนของที่พักเข้าไปด้วย ให้ความรู้สึกถึงประสบการณ์ที่แตกต่าง จะดีแค่ไหนตื่นเช้ามาแล้วเดินเล่นหาของกิน ได้เลยเหมือนอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก ที่ เดอะศาลายา เลเซอร์ ปาร์ค มีถึง 9 โซนกิจกรรมให้เลือกทำ และ 5 บริการให้เลือกใช้ เช่น กิน เที่ยว เรียน เล่น พัก มาที่นี่ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว
จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดโชติทายการาม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี วัดนี้มีความสำคัญคือมีพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาถึงสองพระองค์นั่นคือในหลวงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านได้เสด็จมาที่นี่และขึ้นมาเที่ยวชมวัดแห่งนี้ วัดนี้สร้างขึ้นจากความศรัทธาของ ปู่มั่น มั่งมี คหบดีที่มีใจบุญใจกุศล ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด รวบรวมเงิน จากชาวบ้านได้ 1 ชั่ง และนิมนต์พระภิกษุช่วงจากวัดบางคนทีใน มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อลพบุรีราเมศร์ ปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ถึงลพบุรี อายุราว 400 - 500 ปี สูง 95 นิ้ว หน้าตัก 69 นิ้ว องค์พระทำด้วยศิลา ในอดีตสมัยหลวงพ่อเชย เป็นเจ้าอาวาส ได้สร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน เมื่อปีพ.ศ. 2481 ท่านได้พยายามหาพระพุทธรูปเพื่อมาเป็นพระประธานในอุโบสถ แต่ก็หาไม่ได้ ถึงปีพ.ศ. 2485 ท่านจึงทำเรื่องถึงกระทรวงธรรมการในสมัยนั้น ได้ให้ไปเลือกพระพุทธรูปที่จ.ลพบุรี เนื่องมาจากตอนนั้นที่ลพบุรีมีวัดร้างจำนวนมาก ท่านจึงรวบรวมชาวบ้านและนายช่างเดินทางไปยังลพบุรี จนมาถึงวัดร้างริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง พบพระพุทธรูปที่งดงามมากแต่ไม่มีเศียร ท่านจึงบ่นว่า "เสียดาย เสียดายจริง ๆ" คณะเดินทางช่วยกันหาเศียรพระ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ หลวงพ่อเชยจึงจุดธูปเทียนอธิษฐานว่า "ถ้าจะเป็นบุญวาสนาของวัด ก็ขอให้เจอพระเศียรด้วยเถิด" หลังจากนั้นก็ลงมือค้นหากันอีกรอบ จนไปเจอต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีรากไม้โอบเศียรพระพุทธรูปไว้แน่นให้เห็นแค่พระพักตร์เท่านั้น จึงช่วยกันหาทางนำเศียรพระออกมาแล้วลองนำไปวางบนองค์พระได้พอดี จึงได้ทำพิธีอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโชติทายการาม จนถึงปัจจุบัน เหตุที่ชื่อหลวงพ่อลพบุรีราเมศร์ เพราะเดิมพระพุทธรูปองค์นี้อยู่ที่ลพบุรี ชาวบ้านจึงเรียกหลวงพ่อลพบุรี จากนั้นพระองค์ได้เสด็จต่อเพียงลำพังกับพระยาดำรงราชานุภาพไปในคลองขุดเล็ก ๆ ที่เรียกว่าคลองลัดราชบุรี (คลองลัดพลี) เพื่อไปเยี่ยมเยือนประชาชนแบบที่ไม่ให้ใครรู้ว่าพระองค์เป็นใคร จนได้มาถึงบ้านหลังหนึ่งระหว่างทางที่เรือพายไป คือบ้านของนางผึ้ง ขณะนั้นนางกำลังตากหอม กระเทียมบนหลังคาเรือน พอนางเห็นมีคนพายเรือไปก็เข้าใจว่าเป็นขุนนาง จึงร้องเชื้อเชิญให้แวะพักที่บ้านก่อน พระองค์จึงเสด็จขึ้นบ้านนางผึ้ง ซึ่งเวลานั้นนางผึ้งหุงข้าวสุกพอดีกำลังเตรียมจะกินมื้อเย็นกับลูกชายที่ชื่อว่า "เจ๊กฮวด" จึงได้เรียกลูกชายให้นำกระบะอาหารใส่กับข้าวพร้อมเชิญให้พระองค์เสวย เจ๊กฮวดนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ พระองค์ แล้วเอ่ยว่า "คล้ายนัก คล้ายนัก" พระองค์ตรัสถามว่า "คล้ายอะไร" เจ๊กฮวดตอบว่า "คล้ายรูปที่บูชาอยู่บนหิ้ง" "แน่ใจหรือ" พระองค์ถามเจ๊กฮวด ว่าแล้วเจ๊กฮวดได้นำผ้าขาวมาปูแล้วก้มลงกราบ นางผึ้งเห็นดังนั้นจึงได้ก้มลงกราบตามลูกชาย และได้รับสั่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพเชิญพระบรมราชโองการแต่งตั้งเจ๊กฮวดเป็นมหาดเล็กของพระองค์ นี่จึงเป็นที่มาของ "เจ๊กฮวดมหาดเล็ก" แห่งคลองดำเนินสะดวก
ออกจากคลองดำเนินสะดวก เรามุ่งหน้าไปยัง "ศตวรรษสยาม" เติมความสุขจากวันวาน ท่ามกลางธรรมชาติ กลางสวนมะพร้าว ที่นี่เป็นที่รวมข้าวของเครื่องใช้ในยุคสมัยที่ผมยังเด็ก บางชิ้นผมก็ยังไม่เกิด การมาเที่ยวชมที่นี่ต้องบอกไว้ก่อนว่า มันจะทำให้คุณ ๆ กลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง การเปิดใจเข้ามาเที่ยวชมที่สถานที่แห่งนี้ เราอย่ามองว่าค่าเข้าจะถูกหรือแพง แต่ขอให้มองถึงความตั้งใจจริงของเจ้าของที่ ที่อยากเห็นทุกคนมีความสุขจากสิ่งของเครื่องใช้ที่เราเคยผ่านมันมาแล้วในอดีตที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เหมือนเราเดินทางผ่านกาลเวลาย้อนไปเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว
ที่สุดท้ายของทริปเราอยู่กันที่ ณ สัทธา อุทยานไทย สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ อุทยานแห่งความศรัทธา ความรู้ และความเชื่อ เป็นอีกที่ควรพาครอบครัว บุตรหลานมาเที่ยว สำหรับคนที่มีเวลาน้อย และไม่อยากเดินทางไกล แนะนำครับ เร็ว ๆ นี้จะมีเปิดให้เข้าชมช่วงกลางคืน ชมการจัดแสดงไฟตามจุดต่าง ๆ กับกิจกรรมที่ชื่อว่า "NaSatta Light Festival 2022" (มหัศรรย์แห่งการเริ่มต้น) ถ้าใครสนใจสามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ที่ www.nasatta.com
ขอบคุณการท่องเที่ยวราชบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง