ทำความรู้จัก โรคจิตเภท 'สคิสโซฟรีเนีย' หลังแพทย์พบเคส คนไข้ผู้หญิง เล่น Tiktok และ Reel กระตุ้น โรคจิตแฝง เห็นภาพหลอน หูแว่วประสาทหลอน
จากที่มีข่าวว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้เจอกับเคสคนไข้ผู้หญิง ราชการ อายุ ราว 40 เล่น Tiktok และ Reel กระตุ้น โรคจิตแฝง เห็นภาพหลอน หูแว่วประสาทหลอน จนญาติต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้พบว่าเป็น 1 ใน 5 อาการหลักของโรคจิตเภท หรือ Schizophrenia (สคิสโซฟรีเนีย)
พญ.อังค์วรา วงศ์อุดมมงคล จิตแพทย์ โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน อธิบายว่า โรคจิตเภท เป็นส่วนหนึ่งในโรคทางจิตเวช คือภาวะที่สมองมีความผิดปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดหรือการรับรู้ที่ผิดปกติ เช่น หลงเชื่อผิดๆ ว่าจะมีคนมาทำร้าย รวมถึงสัมผัสผิดปกติ มีอาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมหรือคำพูดที่ดูแปลกกว่าคนทั่วไป โดยโรคจิตเภทสามารถพบได้ในทุกช่วงวัย แต่มักจะเกิดในวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
สาเหตุของ โรคจิตเภท หรือ สคิสโซฟรีเนีย สามารถแบ่งได้เป็นปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ดังนี้
- ปัจจัยภายใน เป็นสาเหตุหลักเลยก็ว่าได้ โดยเกิดจากสารสื่อประสาทรวนอาจมาจากร่างกายของผู้ป่วยเอง พันธุกรรม หรือสารเคมีที่ได้รับ เช่น สารเสพติด หรือยารักษาโรคอื่นๆ ของผู้ป่วยเอง
- ปัจจัยภายนอก อาจมีสาเหตุมาจากโรคเครียด การเลี้ยงดู ครอบครัว การทำงาน หรือปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียดมาก โดยอาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอาการได้
อาการของโรคจิตเภท หรือ สคิสโซฟรีเนีย
สำหรับอาการของโรคนี้มี 5 ข้อหลักๆ โดย 4 ข้อแรกจะเป็นอาการแบบบวก คือ แสดงกิริยามากกว่าคนทั่วไป และข้อสุดท้ายจะเป็นอาการแบบลบ คือ แสดงกิริยาน้อยกว่าคนทั่วไป
- อาการหลงผิด คือ อาการที่ผู้ป่วยเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
- การรับรู้ที่ผิดปกติ คือ การที่ไม่มีสิ่งเร้าใดๆ เกิดขึ้น แต่ผู้ป่วยกลับคิดว่ามี เช่น หูแว่ว ภาพหลอน การได้กลิ่น หรือสัมผัส
- การพูดผิดปกติ ตอบไม่ตรงคำถาม พูดไม่ปะติดปะต่อ หรือมีภาษาแปลกๆ ที่คนทั่วไปฟังแล้วไม่เข้าใจ
- มีพฤติกรรมที่แปลกไป โดยเป็นผลมาจากความคิดที่รวน ส่งผลให้มีพฤติกรรมที่แปลก เช่น ลุกขึ้นมารำ หรือเดินไปเดินมาไม่มีเหตุผล
- อาการแบบลบ เช่น ไม่ค่อยมีอารมณ์กับสิ่งรอบตัว หน้านิ่ง เฉยเมย ไม่มีแรงบันดาลใจ เป็นต้น
นอกจากนั้นอาการของ โรคจิตเภท หรือ สคิสโซฟรีเนีย ยังสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะเริ่ม หรือระยะก่อโรค ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการด้านลบ แยกตัว ไม่ค่อยอยากทำอะไร อาการจะเริ่มก่อตัวแบบใช้เวลา 6 เดือนขึ้นไป
- ระยะกำเริบ จะเริ่มเห็นอาการด้านบวกมากขึ้น เช่น หูแว่ว หลงผิด ระแวง พูดจาแปลกๆ โดยหากมีระยะกำเริบ ควรรีบพบแพทย์
- ระยะหลงเหลือ เป็นระยะที่ผ่านการรักษามาแล้ว แต่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่ เช่น จากระแวงมั่นใจว่ามีคนมาทำร้าย เหลือเป็นสงสัยว่าอาจมีคนจะทำร้าย โดยผู้ป่วยหลายคนเมื่อรักษาแล้วหายสนิท จะไม่มีอาการช่วงนี้
วิธีการรักษา โรคจิตเภท หรือ สคิสโซฟรีเนีย สามารถแบ่งได้เป็น 3 วิธี ดังนี้
1. ใช้ยาในการรักษา
มีการให้ยาเพื่อปรับสารสื่อประสาท หรือสารเคมีในสมอง ให้กลับมาสมดุลเหมือนเดิม โดยจะมีทั้งยาที่ต้องรับประทานทุกวัน และยาฉีด มีทั้งแบบฉีดเดือนละครั้ง, 3 เดือนครั้ง และ 6 เดือนครั้ง เพื่อที่จะปรับสารสื่อประสาทให้สมดุลขึ้น แต่หากยา 2 ชนิดข้างต้นไม่ได้ผล ก็อาจจะต้องใช้การช็อตไฟฟ้า ซึ่งเปรียบเสมือนกับการรีเซ็ตผู้ป่วยใหม่อีกครั้ง
2. ปรับพฤติกรรมทางจิตใจของผู้ป่วย
เช่น คลายความเครียดให้ถูกวิธี ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคจิตเภทให้มากขึ้น หากได้ยินเสียงหรือหูแว่ว ให้ตรวจสอบดูก่อนว่ามีคนพูดจริงหรือไม่ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้มากขึ้น
3. ความเข้าใจจากคนรอบตัว
ควรมีการให้ความรู้กับครอบครัว และคนรอบข้าง ให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ และไม่มีการกดดันจนผู้ป่วยรู้สึกเครียด นอกจากนั้นยังควรฝึกให้เขากลับมาเข้าสังคมได้มากขึ้นอีกด้วย
โรคจิตเภท เป็นโรคที่หลายๆ คนอาจจะยังมีความคิดแง่ลบกับผู้ป่วยอยู่ ดังนั้นหากลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ป่วยเป็น ว่าเขาสามารถอาการสงบ และใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติในสังคมได้ ก็จะถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง