กกต.จ่อฟันอาญา ธนาธร หลังสิ้นสภาพ ส.ส.
เลขาฯกกต. คาดคณะกรรมการไต่สวนฯ เร่งนำคำพิพากษาศาลรธน. ดำเนินคดีอาญา ธนาธร ฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ม.151
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 62 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กรณีถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ว่า หลังจากนี้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ก็คงดำเนินการสอบสวนกรณีคำร้องที่มีผู้กล่าวหาว่านายธนาธร ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) กรณีผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อไป โดยตามหลักการทั่วไปแล้ว คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คงจะต้องนำผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ไปพิจารณาประกอบในสำนวนด้วย เพราะมีการวินิจฉัยว่านายธนาธรขาดคุณสมบัติ
"สมชาย"จี้ กกต.เอาผิดตัดสิทธิสมัครส.ส.ของ "ธนาธร" เพิ่ม หลังพบพฤติกรรม ผิด ม.151ของพ.ร.ป.เลือกตั้ง
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สิ้นสุดความเป็นส.ส. เนื่องจากขาดคุณสมบัติเพราะถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เนื่องจากนายธนาธร ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ.2561 มาตรา 151 กรณีที่ผู้ใดรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เป็นเวลา 20 ปี
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า .....ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันที่นายธนาธรยื่นสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นายธนาธรยังถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด
....การกระทำของนายธนาธร เข้าข่ายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 42 (3) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ถือได้ว่า เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เนื่องจากถือหุ้นในธุรกิจสื่อมวลชน
.....ทำให้สมาชิกภาพของนายธนาธรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลได้สั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยเป็นวันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง
.....รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๑ วรรคสี่บัญญัติว่า คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ
.....การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในวันสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นายธนาธรถือหุ้นในธุรกิจสื่อมวลชนจึงมีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จึงเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
.....ดังนั้นการกระทำของนายธนาธรจึงน่าจะเข้าข่ายเป็นการกระทำตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑
.....มาตรา ๑๕๑ บัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
.....จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องดำเนินการให้มีการฟัองนายธนาธรต่อศาล ที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเพื่อพิจารณาพิพากษาตามมาตรา ๑๕๑ ต่อไป