ข่าว

"หมอวรงค์" ซัด ฝ่ายปชต.ไม่สน ปมทุจริตอบ จ.ลำพูน มุ่งอัดรัฐ ตัดงบบัตรทอง

"หมอวรงค์" ซัด ฝ่ายปชต.ไม่สน ปมทุจริตอบ จ.ลำพูน มุ่งอัดรัฐ ตัดงบบัตรทอง

24 เม.ย. 2563

"หมอวรงค์" ไม่เข้าใจว่า ทำไมฝ่ายประชาธิปไตย ไม่สนใจการทุจริตที่มีหลักฐาน เรื่องถุงยังชีพช่วยคนจนของอบจ.ลำพูน แต่กลับมาสร้างกระแสบิดเบือน เรื่องตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาท

         วันที่ 24 เม.ย.2563 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่เฟซบุ๊ก ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม  สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติ(รปช.) ได้มีการตั้งข้อสังเกต ในประเด็นร้อนแรง กรณี การตรวจสอบการทุจริต ที่ อบจ.ลำพูน จัดถุงช่วยเหลือคนจน แบบผิดฝากผิดตัว ส่อทุจริต แต่ฝ่ายประชาธิปไตยกลับไม่สนใจตรวจสอบ มุ่งแต่สร้างกระแสบิดเบือนเรื่อง ตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาท 

         โดยมีการโพสต์ข้อความว่า   “โรคอิจฉาตาร้อน
ไม่เข้าใจจริงๆว่า ทำไมฝ่ายประชาธิปไตย ไม่สนใจการทุจริตที่มีหลักฐาน เรื่องถุงยังชีพช่วยคนจนของอบจ.ลำพูน แต่กลับมาสร้างกระแสบิดเบือน เรื่องตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาท และงบกระทรวงสาธารณสุข 1,200 ล้านบาท

          โชคดีที่ได้ฟังคำขี้แจง จากผู้เกี่ยวข้องถึงทราบว่า การบรรจุแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข 45,684 ตำแหน่ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับโควิดนั้น ตามกฏหมายบังคับต้องใช้งบบัตรทองมาจ่ายเงินเดือนเท่านั้น มันก็แค่นี้เอง

         ไม่ได้ไปตัดงบของเขาไปทำอย่างอื่น เพียงแต่กฎหมายไม่ได้ให้ สปสช.จ่ายเงินเดือนเอง แต่ต้องโอนให้สำนักงบตั้งเป็นงบเงินเดือน ก็แค่นี้เองครับ ส่วนเงิน 2,400 ล้านบาทก็ไม่ได้หายไปไหน เท่ากับว่าโรงพยาบาลต่างๆก็ประหยัดเงินบำรุงรวมไป 2,400 ล้านบาท เพราะใช้งบบัตรทองมาจ่ายเป็นเงินเดือนแทนแล้ว สุดท้ายก็คือเงินกระเป๋าซ้ายไปอยู่กระเป๋าขวา

          ส่วนงบกระทรวงสาธารณสุข 1,200 ล้านบาท ก็แค่เงินที่ดำเนินการไม่ทันเพราะติดช่วงโควิด ต้องตัดส่งเป็นงบกลาง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทำไมกระทรวงกลาโหม รอบนี้เขาตัดเข้างบกลางสูงถึง 18,000 ล้านบาท แต่กลับไม่ยอมพูดถึงสักคำ มันยิ่งสะท้อนว่า ฝ่ายประชาธิปไตยนี้เอาแต่สร้างข่าวบิดเบือน และที่สำคัญงบกลางส่วนใหญ่ก็ให้กระทรวงสาธารณสุขไปสู้โควิดอยู่ดี

          การยิ่งสร้างข่าวปลอม ยิ่งสะท้อนว่าฝ่ายประชาธิปไตย"อิจฉาตาร้อน" ทั้งเรื่องผลการต่อสู้โควิดที่ได้ผลเป็นที่ชื่นชมทั่วโลก และการกล้าบรรจุข้าราชการให้พี่น้องแพทย์ พยาบาล เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เลยเก็บอาการไม่อยู่

          กูรูด้านความสำเร็จกล่าวว่า ใครที่"อิจฉาตาร้อน" ยิ่งสะท้อนว่าพวกเขาใกล้ที่จะล้มเหลว รัฐบาลโปรดมั่นใจที่จะเดินต่อไปบนพื้นฐานที่ทำปัจจุบันคือ "เร่งชี้แจง โปร่งใส ใช้คนเก่ง" แค่นี้ประชาชนจะออกมาช่วยปกป้อง และฝ่ายประชาธิปไตยก็คงต้องเฉาไปเอง