"นาที" ยัน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่มีเปลี่ยน รมต. - ขอบคุณ"อนุทิน"ตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษา

11 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 07.15 น. นางนาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าทำงานทำเนียบรัฐบาลเป็นวันแรก จึงได้ใช้โอกาสนี้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ ท้าวมหาพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิ ศาลตาศาลยาย และไหว้พระในห้องทำงาน ที่ตึกบัญชาการ 1 โดยนางนาทีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพียงสั้นๆว่า ตนได้เข้าทำงานที่ทำเนียบวันนี้เป็นวันแรก ยังไม่ได้พูดคุยกับนายอนุทินถึงเรื่องการมอบหมายงานให้ปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด

ส่วนกระแสข่าวที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความชอบธรรมในการเข้ารับตำแหน่งหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ นางนาที กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือ กรณีคดีของ ป.ป.ช.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีนั้นหมดไปแล้ว เพราะนับมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งคำตัดสินเลยเวลาไปแล้ว ดังนั้น ยืนยันความพร้อมทางกฎหมาย และพร้อมช่วยเหลือพรรค ในการช่วยดูแลงานภาคใต้ ประสานงานกระทรวงหลักๆของพรรคภูมิใจไทย   รวมถึงการเดินหน้านโยบายกัญชา

ส่วนในฐานะหลังบ้านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่า ที่ทราบคือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่มีการปรับตำแหน่งในการปรับ ครม.ครั้งนี้ สามารถทำงานต่อเนื่องได้ และขณะนี้ การท่องเที่ยวก็เดินหน้าเป็นอย่างมาก 

เมื่อผู้สื่อข่าวแซวว่า “เขาเรียกกันเป็นรัฐมนตรีทิพย์” นางนาที ได้ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด

เมื่อถามย้ำว่า ในเมื่อสิ้นสุดทางคดีของ ป.ป.ช.แล้ว เหตุใดไม่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นางนาที ย้ำว่า อยู่ตรงนี้ สามารถทำงานได้เยอะกว่า อะไรที่สามารถช่วยประชาชนได้ ไม่ต้องอยู่ตรงนั้นก็ทำได้ เพราะก่อนหน้านี้ ตนก็ไม่มีตำแหน่ง ที่เว้นว่างจากการเมืองก็ยังทำงาน แต่ส่วนใหญ่คงอยู่ในพื้นที่มากกว่าเข้ามาทำงานในทำเนียบ ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ เคยเข้ามาทำเนียบหนึ่งครั้งที่งานสันนิบาต แต่รู้สึกป่วยกะทันหัน จึงไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำเนียบ ขอให้หายป่วยแล้วจะกลับมาไหว้ วันนี้จึงกลับมา นำผลไม้มาถวายเพื่อ
กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทำเนียบรัฐบาล

สำหรับ นางนาที เป็นคู่สมรสของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และยังเป็น อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ภายหลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ