ลุ้น"โรงไฟฟ้าขยะ" คืบหน้าไปถึงไหนหลังสามหน่วยงานพลังงานโบ้ย
3 หน่วยงานพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โบ้ยเผือกร้อน"โรงไฟฟ้าขยะ" เหตุเจ้าของโครงการเตรียมข้อกฎหมายเอาผิด
จนถึงตอนนี้โครงการศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และอ่อนนุช โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) กำลังผลิตแห่งละ 30 เมกะวัตต์ ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ โดยเรื่องยังติดค้างอยู่ที่บรรดาหน่วยงานในกระทรวงพลังงาน แม้หน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องจะหารือไปหลายครั้งจนถึงระดับเจ้ากระทรวงฝ่ายการเมือง แต่คำตอบกลับโบ้ยให้เป็นความรับผิดชอบของข้าราชการ
3 หน่วยงานที่กำลังเป็นเป้าถูกวิจารณ์การทำงานไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)โทษกันไปมาอยู่ ว่าสรุปใคร “ดอง” และใครควรต้องรับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
เนื่องจากโครงการนี้ควรจะเดินหน้ามานานหลายปีแล้ว เพราะคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติตั้งแต่ 31 พฤษภาคม 2560 ให้รับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ FiT ( Feed-in Tariff ) จาก SPP แบบ Non-Firm กำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ ไว้ที่ 3.66 บาทต่อหน่วย และ 2 โครงการนี้ยังอยู่ภายใต้แผน Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการกลางจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
ความล่าช้าที่เกิดขึ้นมานาน ทำภาคเอกชนเจ้าของโครงการหมดความอดทน เพราะนอกจากกระทรวงพลังงานจะดองโครงการแล้ว ยังมีแนวทางทบทวนลด FiT ให้ต่ำกว่า 3.66 บาทต่อหน่วย เหลือเพียง 0.80 บาทต่อหน่วย
ทั้งที่วัตถุประสงค์การกำหนด FiT ขึ้นมา เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน
ขณะเดียวกันการปรับลด FiT ครั้งใหม่ยังเป็นการปรับกันเองของ 2 หน่วยงานหลักอย่างสนพ.และพพ.ขณะที่อัตรา FiT ที่ 3.66 บาทต่อหน่วย ซึ่งรับรองโดยมติของกพช.นั้น ผ่านการศึกษาโดยหน่วยงานกลาง อย่างสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผู้จ้างศึกษาก็คือพพ.นั่นเอง
การที่เรื่องติดค้างอยู่ที่สนพ.และพพ.ก็ทำให้กกพ.ถือเป็นเหตุเรื่อยมาไม่ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช และหนองแขม ทั้งที่กพช.ให้กกพ. ออกระเบียบรับซื้อไฟฟ้าตั้งแต่มีมติเมื่อปี 2560
ตอนนี้เอกชนเจ้าของโครงการ ซึ่งได้รับผลกระทบ กำลังเดินหน้ายกข้อกฎหมายมาพิจารณาหาผู้รับผิด
โดยเฉพาะกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่ระบุว่า“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
การที่เอกชนถึงขีดสุดของความอดทน เพราะไม่มีเหตุผลที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงานจะขาดการบูรณาการทำงานขนาดนี้ และไม่มีเหตุผลที่หน่วยงานในกระทรวงพลังงานจะดองโครงการมาหลายปี จนสร้างความเสียหาย
เนื่องจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ อยู่ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ,เป็นโครงการภายใต้วาระแห่งชาติเรื่องจัดการขยะ และยังเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียน ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ประเทศไทยประกาศต่อประชาคมโลก จะมีส่วนร่วมลดโลกร้อนกับนานาประเทศ