สมาคมการค้าปุ๋ยฯ (TFAS) แจง "โครงการลดต้นทุนช่วยเหลือเกษตร"
สมาคมการค้าปุ๋ยฯ (TFAS) แจง "โครงการลดต้นทุนช่วยเหลือเกษตร" ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และสถานการณ์ราคา และตลาดปุ๋ยเคมี 2564
นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และคณะกรรมการ ได้แถลงข่าว “โครงการลดต้นทุนช่วยเหลือเกษตร" ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และสถานการณ์ราคาและตลาดปุ๋ยเคมี 2564
สถานการณ์ราคาปัจจัยการผลิตปุ๋ยเคมีจากต้นปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบันปุ๋ยเคมีมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นไปจนถึงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2565 ทั้งนี้เพราะสภาพอากาศทั่วโลกส่วนใหญ่ที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตร ราคาผลผลิตทางการเกษตรในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นหลาย ๆ ประเทศตระหนักถึงความมั่นคงทางด้านอาหารนโยบายการชะลอการส่งออกวัตถุดิบปุ๋ยเคมีของประเทศจีน วิกฤตราคาพลังงานน้ำมัน ค่าขนส่งทางเรือระหว่างประเทศมีราคาสูงและความผันผวนของค่าเงินในตลาดโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเกิดจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ Covid-19
ปัจจุบันราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมีปรับตัวสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยยูเรีย (UREA)แอมโมเนียมซัลเฟต (AS)ไดแอมโมเนียมซัลเฟต (DAP)และโพแทสเซียมคอไรด์ (MOP) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกร ทั้งนี้เพราะประเทศไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบปุ๋ยเคมีมาจากต่างประเทศเกือบ100 เปอร์เซนต์
ในส่วนแนวทางสนับสนุน "โครงการลดต้นทุนช่วยเหลือเกษตรกร" ของกระทรวงพาณิชย์ ผ่านกรมการค้าภายใน ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสมาชิกของสมาคมฯ ได้ให้การช่วยเหลือลดราคาจำหน่ายแม่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยเคมีสำเร็จรูป รวมทั้งสิ้น 201,106 ตัน หรือ 4,022,120 กระสอบ โครงการเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม และจะขยายเวลาต่อจนถึงสิ้นปีพ.ศ. 2564
การช่วยเหลือเกษตรกรในการลดราคาปุ๋ยเคมีในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยซึ่งเป็นมาตรการหนึ่ง ที่ทางสมาคมฯ ร่วมกับภาครัฐบาลใน"การช่วยเหลือเกษตรกร"
สมาคมฯเห็นว่าภาครัฐควรมีแผนระยะยาวใน"การช่วยเหลือเกษตรกร" คือการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกวิธี การใช้ปุ๋ยเคมีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร(Crop Productivity)จึงจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
รวมทั้งส่งเสริมทำการเกษตรแบบการเกษตรปลอดภัย GAP(Good Agricultural Practice) คือ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี และเหมาะสมสำหรับพืช เพราะเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในการเพาะปลูกพืชอาหารและพืชเศรษฐกิจ