เจอดี "นายกฯ" เปิดงานมหกรรมสมุนไพรฯ ลุงดักมอบเสื้อด่ารัฐ
"นายกรัฐมนตรี" เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ย้ำประชาชนมีสติ ใคร่ครวญ เหน็บ คนวิจารณ์รัฐบาลไม่ทำ แต่คนทำงานไม่พูด ระหว่างเยี่ยมบูธในงานเจอ ลุงดักมอบเสื้อด่ารัฐ เวร ไม่ใช้สมุนไพร นายกฯบอกแรงไปนะ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 18 มอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษสมุนไพรไทย สร้างเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ "นายกรัฐมนตรี" ระบุว่า วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ได้เดินหน้ากันทำงานที่เป็นรัฐบาลมา จากการรายงานของรองนายกรัฐมนตรีได้เห็นถึงความคืบหน้าและความก้าวหน้ามาตามลำดับ เพราะฉะนั้นการจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วนทั้งภาคประชาชนประชาสังคมต่าง ๆ และธุรกิจได้มีส่วนร่วมกัน ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ
เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสมุนไพรไทย และสมุนไพรไทยเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง และเป็นเพื่อสุขภาพซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศไปพร้อมกับการยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานสูงสร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับสากลเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เราควรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ "นายกรัฐมนตรี"ระบุว่า ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ และมีศักยภาพมากมายหลายอย่างทั้งวิกฤตและโอกาส มีทั้งผลดีและผลเสีย ต้องไปศึกษา ใช้งานอย่างมีสติ แม้กระทั่งในการดำรงชีวิตทุกวันนี้ ตนนั้นเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 และย้ำว่าการตัดสินใจทุกอย่างต้องทำบนพื้นฐานของความเสี่ยง ซึ่งต้องอยู่ในความสมดุล ทางเศรษฐกิจและสังคม สุขภาพ ทุกคนต้องช่วยกันนี่คือสิ่งสำคัญ หากไม่ช่วยกันไม่มีสติ ก็จะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเพราะปัญหาทุกปัญหาล้วนมีผลกระทบส่งถึงกันทั้งสิ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศไทยต้องมีเสถียรภาพ ความสงบสุข สันติ ปราศจากความขัดแย้ง ผมเองพยายามรักษาตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้สู่จุดมุ่งหมายที่กล่าวไว้สักครู่ เมื่อเราอยากได้อะไร ต้องทำสิ่งที่เราต้องการทำนั้นให้สำเร็จ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีสติ มีความยั้งคิด ย้ำทำ ในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือเข้าใจเข้าถึงและพัฒนา เสาหลักอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคนคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หากทำลายสิ่งที่ดีงามของเรามาตั้งแต่อดีต ไม่มีอะไรจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะทุกอย่างสร้างมา เกิดมาด้วยประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ประวัติศาสตร์อะไรไม่ดีก็อย่าทำอีกเท่านั้นเอง อะไรเป็นประวัติศาสตร์ก็มีระยะ ๆไป อะไรที่ดีงามก็รักษาไว้สืบสานรักษา
และต่อยอด ตนคิดอย่างนี้ ฝากพวกเราทุกคนช่วยกันคิดด้วย ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ไม่เช่นนั้นจะทิ้งโอกาสที่มีอยู่ไปทั้งหมด โอกาสทุกอย่างจะกลายเป็นวิกฤติ พร้อมขอให้สงสารประชาชนเถอะ ประชาชนยังลำบากอยู่ ความยากจน ค่าครองชีพ ปัญหาหนี้สิน หลายเรื่องรัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง
และที่ผ่านมาอาจจะยาก อาจจะช้า แต่ก็เริ่มลงมือทำมามากแล้ว หลายอย่างประสบความสำเร็จไปแล้ว ถ้าง่ายคงแก้ไม่ได้นานแล้ว ตนไม่ต้องการให้ปัญหาเหล่านี้ทับซ้อน ซับซ้อนลึกลงไปอีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาความยากจน วันนี้ตั้งคณะกรรมการทำงานชื่อว่าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวมแล้ว ที่จะลงไปดูในทุกพื้นที่ ว่ามีความยากลำบากอะไรอย่างไรการประกอบอาชีพจะต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายงบประมาณปี 2556 ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อจะคุ้มค่าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องต่อเนื่องยืนยาวไม่ใช่ทำเป็นจ๊อบ ๆ แล้วจบไป ต้องตอบโจทย์ปัญหาในภาพรวมให้ได้นี่คือยุทธศาสตร์ชาติ การพัฒนาประเทศของเราต้องกินแบบนี้ ต้องคิดแบบสร้างสรรค์ เพราะไม่มีอะไรที่ทุกคนจะยอมรับได้
โดย"นายกรัฐมนตรี"ยังระบุอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพ รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานหนักอย่างนี้เหนื่อยมา 2 ปีกว่าแล้ว จนสถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ การดูแลผู้เจ็บป่วยเข้าสู่การรักษาก็ถือว่าทำได้ดีดีมากๆในโลก
แต่อย่างไรก็ตามเราประมาทไม่ได้ในทุกเรื่อง ขอให้มีสติ และป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด ช่วยกันป้องกันคนอื่นเขาด้วย เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานหนักกว่า 2 ปีกว่า ทำงานไม่ได้บ่นไม่ได้พูด ไม่ได้ว่าใคร แต่หลายคนไม่ได้ทำ แต่พูด ทำให้เราทำงานได้ยากขึ้น ในทุกวันนี้จึงขอให้ทุกคนไปใคร่ครวญ ให้ดีมีสติ ทบทวนคิดดูว่าประเทศไทยมีอะไรที่ก้าวหน้าไปแล้วบ้างหลายอย่างอาจจะมองไม่เห็น
โดยในช่วงท้าย "นายกรัฐมนตรี" กล่าวว่า แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น เพิ่ม GDP ของประเทศไทยได้มากขึ้น เพื่อนำเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศ ทั้งการลงทุน ดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งใช้เงินมากขึ้นตามลำดับมีทุกปีหากแก้ไขปัญหาความยากจนไม่ได้ ก็จะใช้งบประมาณส่วนนี้เกินไปเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลทุกคน แต่จะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ วันนี้เรามาสร้างมูลค่าเพิ่มของเราด้วยสมุนไพร เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมาก รัฐบาลมีรายได้จากการส่งออก และเก็บภาษีเท่านั้น รัฐบาลพยายามลดปัญหาการขาดดุลในการจัดทำงบประมาณรายปี
โดยนายกรัฐมนตรี ถามว่า มีใครจะถามอะไรหรือไม่ ตนก็อยากจะพูดวันนี้ คนเยอะมาจากหลายจังหวัด ทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นก็ต้องมีปัญหา ต้องฟังไปสั่งไปให้ได้ ต้องมีแผนเผชิญเหตุ ในการทำงาน หรือว่าอะไรก็ตาม แผนรับมือ แผนเผชิญเหตุ แผนฉุกเฉิน เตรียมไว้ทั้งหมด ที่ผ่านมาเราทำได้อย่างไร หากเกิดขึ้นอีกจะยอมรับได้หรือไม่ ทุกคนต้องช่วยกันคิด หากติไปทั้งหมด ก็จะทำอะไรไม่ได้เลย ติดไปหมดทุกเรื่อง รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมร่วมมือกันทุกฝ่ายไม่ได้ปล่อยให้เป็นภาระของใคร ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วและดีขึ้นกว่าเดิมโดยเร็วที่สุด
โดยระหว่างที่ "นายกรัฐมนตรี"เยี่ยมชมบูธ ช่วงหนึ่งได้มีชายสูงอายุนำเสื้อมามอบให้นายกรัฐมนตรีโดยมีข้อความว่า สมุนไพรไทยในครัวเรือน ฆ่าโควิดได้ทุกสายพันธุ์ 5 วันเท่านั้น รัฐไม่เลือกใช้ เวร ซึ่ง"นายกรัฐมนตรี" กล่าวว่า แรงไปนะ รัฐก็ใช้ อะไรใช้ประโยชน์ได้ก็ใช้ไป จะมาบอกว่ารับไม่ได้ใช้ได้อย่างไร
ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกรัฐมนตรีพยายามระงับอารมณ์ ก่อนที่จะเดินชมนิทรรศการอื่น ๆ ต่อ