"นายกฯ" ยิ้มแย้มเข้าถวายสักการะพระสังฆราช-ทักปชช.ก่อนชูมือไอเลิฟยู
"นายกรัฐมนตรี" พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ้มแย้มเข้าถวายสักการะพระสังฆราชเนื่องในวันขึ้นปีใหม่-ทักปชช.ก่อนชูมือไอเลิฟยู
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2565 ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
โดยก่อนที่ "นายกรัฐมนตรี" จะเดินทางกลับได้มีการทักทายกับประชาชนที่มาทำบุญ ว่า สวัสดีปีใหม่นะจ๊ะ ขอให้ปลอดภัย พร้อมชูมือแสดงสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้กับประชาชน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ขณะที่ประชาชนเองก็ได้บอกว่า สวัสดีลุงตู่ พร้อมขอถ่ายรูปกับ "นายกรัฐมนตรี" ก่อนเดินกลับด้วย
สำหรับบรรยากาศการทำบุญที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ได้มีประชาชนทยอยเดินทางมาเข้าคิวสักการะพระพุทธอังคีรส ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยใต้ฐานพระพุทธอังคีรส มีพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรรจุอยู่ด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคลและถือโอกาสในการเยี่ยมความสวยงามของสถาปัตยกรรม การประดับตกแต่งภายในแบบยุโรปผสมแบบไทยทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขณะที่ สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพรให้แก่ประชาชนคนไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นการเตือนใจให้มีสติในการดำเนินการชีวิตตลอดปี 2565 ด้วยการคิดดี ทำดี มีเมตตา โดยมีข้อความดังนี้
เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๕ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า
บัดนี้ ถึงอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๕ อันเป็นวาระเถลิงศก ซึ่งเป็นกาลที่ผู้คนต่างหวังจะได้รับพรมงคลกันทั่วหน้า ผู้ปรารถนาความสวัสดีโดยบางคน เข้าใจว่าต้องมีผู้ประสาทพรอันศักดิ์สิทธิ์ให้จึงจะเกิดความสวัสดีแก่ตน หากว่าแท้จริงแล้ว "พร" ซึ่งหมายถึงสิ่งประเสริฐดีงามนั้น เป็นสภาวะที่เราทั้งหลาย สามารถสรรค์สร้างให้บังเกิดมีขึ้นได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าประสงค์ผลอันเลิศ หรือฐานะอันประเสริฐ ก็ย่อมต้องบำเพ็ญบุญกิริยาด้วยการ "ให้" สิ่งอันเลิศ เพื่อเหตุต้นแห่งผลดี จะได้เริ่มบังเกิดขึ้นแก่ตัวท่านเองในทันที
การบริจาควัตถุปัจจัยแก่ผู้ประสบความทุกข์ยาก เป็นปรกติจริยาของคนไทยนับแต่โบราณกาล ดังประจักษ์ได้จากวิกฤตการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองแต่ละครั้ง ล้วนบรรเทาได้เพราะ "การุณยธรรม" ของเพื่อนไทย การให้ปันกันนี้เองย่อมก่อมิตรภาพและความกลมเกลียวในหมู่คณะ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยตลอดมา อย่างไรก็ตาม การให้ ยังสามารถเป็นไปโดยหลากหลายวิธี หาได้จำกัดอยู่เพียงที่พัสดุข้าวของเงินทองไม่
หากยังรวมไปถึงการแผ่ "อภัยทาน" คือการให้ความไม่ผูกเวร ไม่ก่อภัย ไม่เบียดเบียน ไม่ริษยาอาฆาต และไม่ประทุษร้ายกันอีกด้วย การให้ในลักษณะนี้สำคัญยิ่งกว่าการให้จตุปัจจัยทั้งมวล เพราะล้วนตั้งต้นจากความสะอาดใสในจิตใจของตน อย่างชนิดที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง ไม่ต้องเสียเวลา และไม่จำกัดฐานะ
สามารถบำเพ็ญได้ในทุกขณะและในทุกสถาน ขอเพียงแผ่พรหมวิหาร มุ่งดี มุ่งเจริญ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยเมตตาธรรมอย่างยุติธรรมเสมอหน้า ผู้กำลังคิดตั้งปณิธานทำความดีในปีใหม่ จึงพึงระลึกไว้เสมอว่า หากท่านมั่นในอุดมการณ์แห่ง "อภัย" ประคับประคองจิตใจให้ถึงพร้อมด้วย "อวิหิงสา" คือความไม่เบียดเบียนแล้ว บรรดาพรมงคลอันนำมาซึ่งความสุขในชีวิต ย่อมเกิดมีขึ้นโดยมิต้องเรียกร้องสิ่งประเสริฐอื่นใดจากภายนอก และพรนั้น ยังอาจเปลี่ยนแปลงศัตรูให้กลับกลายเป็นมิตร ดับเพลิงโกรธที่เผาผลาญชีวิต ให้กลับเป็นฉ่ำเย็นสนิทด้วยน้ำใจไมตรี สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า "ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ" แปลความว่า "ผู้ให้ย่อมผูกมิตรไว้ได้" ทุกประการ
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและคุณความดีที่ทุกท่านร่วมกันสร้างสรรค์ จงบันดาลดลความโสมนัสชุ่มชื่นพระราชหฤทัย ให้บังเกิดมีในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งบันดาลให้สรรพสิริสวัสดิ์ และสันติสุขพลันมาสู่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ให้เกิดภิญโญสโมสรด้วยความสุขเกษมศานต์ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๕ โดยทั่วกัน เทอญ"