ส.ส. ก้าวไกล เบญจา โวยไม่เกรงใจสังฆราชขัดคำสั่ง มส. "หาเสียงในวัด"
ส.ส.ก้าวไกล เบญจา โวย "หาเสียงในวัด" ไม่เกรงใจสังฆราช ให้ย้อนดูเคยลงนาม คำสั่ง มส. ห้ามไว้ตั้งแต่ปี 61 เผยวิษณุ ยืนยันเองเป็นแนวปฏิบัติที่มีมานาน จี้ กกต. ตอบให้ชัดทำได้หรือไม่
เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาเสียงช่วย ตาม-ธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 6 จังหวัดสงขลา เบอร์ 2 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้การหาเสียงเลือกตั้งเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ก่อนจะมีการลงคะแนนในวันที่ 16 ม.ค.นี้ มั่นใจว่า ตาม-ธิวัชร จะได้รับความเชื่อใจจากประชาชนชาวสงขลาเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลือกให้เป็น ส.ส.เขต จากพรรคก้าวไกลเป็นคนแรกของภาคใต้
อย่างไรก็ตาม แม้เป็นเรื่องธรรมดาที่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งจะแข่งขันกันดุเดือดเข้มข้นขึ้น แต่ตนก็อยากเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายภายใต้กติกาเดียวกัน ที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง ปี 62 ทุกพรรคการเมืองรับรู้แนวปฏิบัติเดียวกันว่า ไม่สามารถเข้าไปหาเสียงหรือจัดกิจกรรมทางการเมืองในวัดได้ ไม่ว่าจะการปราศรัยหรืออื่น ๆ ยกเว้นไปไหว้พระขอพร
เนื่องจากก่อนหน้านั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) ทรงลงพระนามใน ประกาศมหาเถรสมาคม(มส.) เรื่อง ห้ามใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุม สัมมนา หรือ จัดกิจกรรมทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 61 เป็นต้นมา โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยกล่าวถึงยืนยันถึง ประกาศ มส. ดังกล่าวว่า เป็นประกาศย้ำเพื่อแจ้งแก่วัดต่าง ๆ ให้มีแนวปฏิบัติเดียวกัน เนื่องจาก ประกาศ มส. เรื่อง "ห้ามหาเสียงในวัด" มีมานานแล้ว
แต่ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 6 ในครั้งนี้ บางพรรคการเมืองไม่ได้ยึดเอาแนวปฏิบัติดังกล่าวเป็นที่ตั้ง เช้าวันนี้ (10 ม.ค. 65) พรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งตั้งเวทีปราศรัยในวัดวังปริง อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ทั้งยังเตรียมจะจัดเวทีปราศรัยที่ วัดเทพชุมนุม ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ ด้วย ซึ่งเป็นวัดเดียวกับที่ทางพรรคพลังประชารัฐ กำลังจะใช้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงค่ำนี้
จึงต้องขอสอบถามไปยัง กกต.ในฐานะผู้กำกับดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายว่า ในเรื่องนี้มีแนวปฏิบัติอย่างไรกันแน่ และหากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจะมีมาตรการอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้นขอย้ำว่า เราไม่เคยมีปัญหากับการไป "หาเสียงในวัด"เลยและยินดีอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้วัดจะเป็นพื้นที่ของทุกคนและทำให้ภิกษุสงฆ์เป็นอีกพลังของการส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้าเรื่องนี้ทำได้ เราคงไปตั้งเวทีปราศรัยตั้งแต่อดีตเป็นพรรคอนาคตใหม่แน่นอน
เพียงแต่หลายครั้งเมื่อฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปทำกิจกรรม เป็นรัฐบาลเองที่กีดกันมักอ้างคำสั่งนี้มาใช้ พอตัวเองจะหาประโยชน์จากวัดกลับไม่เกรงใจคำสั่งสมเด็จพระสังฆราชฯ ทำเหมือนมองไม่เห็นทั้งที่เนติบริกรของท่านเองรู้กฎหมายดีที่สุด และขอฝากอีกครั้งไปยัง กกต. ว่าเมื่อมีหน้าที่กำกับการเลือกตั้ง ก็ต้องใช้แนวปฏิบัติด้วยความความสม่ำเสมอ ไม่ใช่เลือกตั้งครั้งก่อนแบบหนึ่ง ครั้งนี้อีกแบบหนึ่ง เคร่งครัดกับฝ่ายค้าน แต่กับฝ่ายรัฐบาลพร้อมตีความยืดหยุ่นให้เสมอ เบญจา ระบุ