เปิดพฤติกรรม “ไฮโซฟองน้ำ” ท้าวแชร์เชิดเงินเหยื่อ 600 ล้าน หนีออกนอกประเทศ
พฤติกรรมน.ส.ปิยะธิดา หรือ“ไฮโซฟองน้ำ” อายุเพียง 25 ปี หลอกเหยื่อลงทุน เงินปันผลสูง ก่อนชิ่งหนีออกนอกประเทศ พบความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท
ย้อนรอยพฤติกรรมน.ส.ปิยะธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี สาวชาวอุบลราชธานี เป็นที่รู้จักกันในนาม "ไฮโซฟองน้ำ" ท้าวแชร์อายุน้อยร้อยล้าน เปิด "บ้านออมเงิน" ชักชวนคนในโลกออนไลน์ให้ร่วมลงทุน เริ่มเมื่อ 2 ปีก่อน
โดยอ้างว่าจ่ายเงินปันผลสูง เพื่อดึงคนมาร่วมลงทุน กำไร 5% ต่อ 15 วัน และ 10% ต่อ 30 วัน ระยะหลังยิ่งลงทุนมาก ยิ่งได้เงินปันผลสูงถึง 20% จนมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีฐานะ มีอาชีพการงานดี เช่น ครู หมอ นักธุรกิจ ทนาย เนื่องจากไฮโซฟองน้ำมีโปรไฟล์ดี บ้านค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการโพสต์ภาพการใช้ชีวิต กิน เที่ยว อย่างหรูหรา รวมถึงโพสต์ภาพสลิปการโอนเงินให้ลูกแชร์ในบ้าน เพื่อยืนยันว่าได้จริงตามที่บอก แต่ต่อมาลูกแชร์ไม่ได้ผลตอบแทนตามที่พูดไว้ มีการปิดบ้านออมเงินไปเป็นที่เรียบร้อย
กระทั่งเมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ไฮโซฟองน้ำ ปิดเฟซบุ๊กและโซเชียลทุกช่องทาง ลูกแชร์ในบ้านออมเงินตั้งกลุ่มไลน์ผู้เสียหายบ้านฟองน้ำขึ้นมา ทำให้พบเหยื่อมากถึง 400 คน ความเสียหายแต่ละคน 20,000 - 30,000,000บาท ยอดความเสียหายรวมแล้วประมาณ 600 ล้านบาท จึงทยอยเข้าแจ้งความและพากันตามหาตัวไฮโซฟองน้ำ ตามบ้านพัก บ้านญาติ แต่ไม่พบตัว
ต่อมาศาลจังหวัดอุบลราชธานี อนุมัติหมายจับ "ไฮโซฟองน้ำ" ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใดๆ
ซึ่งเจ้าตัวได้ออกโพสต์ผ่านสตอรี่ น้อมรับทุกอย่างที่ผิดพลาด ยืนยันไม่เคยหนี ไม่มีเจตนาโกง ขอให้หยุดคุกคามครอบครัว พร้อมขอร้องคนปั่นหยุดได้แล้ว
หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อหรือหาตัวไฮโซฟองน้ำได้อีกเลย แม้กระทั่วงแม่ของไฮโซฟองน้ำที่ร่ำไห้ และอ้างว่าตัวเองก็ถูกลูกสาวหลอกเงินไปกว่า 3 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งจากการยืนยันของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แจ้งว่า ไฮโซฟองน้ำ น้องชายและน้องสะใภ้ หลบหนีไปยังประเทศเวียดนามผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อบ่าย วันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานหมายแดงไปยังตำรวจสากล(INTERPOL) เพื่อตามตัวกลับมาดำเนินคดี ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายได้ลงขันตั้งรางวัลนำจับเป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาทแล้ว ส่วนน้องชายและน้องสะใภ้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ