ข่าว

รอลงอาญา-ถอนใบขับขี่-ห้ามดื่มเสี่ยเบนซ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลตลิ่งชัน พิพากษาคุก 6 ปี ปรับ 2 แสนเมาขับ รับสารภาพเหลือคุก 3 ปี ปรับแสน ขณะที่ศาลยังปรานีให้รอลงอาญา 3 ปี ทำงานบริการสังคม 48 ชม. ลูกสาวคนโตให้อภัย

 

31 กรกฎาคม 2562  ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถ.ทุ่งมังกร  ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1839/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5  ได้ยื่นฟ้อง "นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์" อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์  

 

เป็นจำเลย ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด , ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย , ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา 

 

โดยอัยการยื่นฟ้องคดี เมื่อเดือน มิ.ย.62 ที่ผ่านมา กรณีเมื่อวันที่ 11 เม.ย.62 เวลาประมาณ 23.30 น. พนักงานสอบสวนสนศาลาแดง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุรถยนต์ชนกัน ที่ถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง-เขตทวีวัฒนา เมื่อได้ออกตรวจที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เบนซ์ ทะเบียน บฮ-789 กทม แต่ขณะนั้นไม่พบตัวคนขับเนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี 2 เพราะได้รับบาดเจ็บ

 

ส่วนที่เกิดเหตุพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุชวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟ ทะเบียน 2 กก-3653 และทราบจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่ายังมีนางนุชนาฎ งามสุวิชชากุล ภรรยา และบุตรสาวอายุ 12 ปีซึ่งนั่งโดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ก็ได้นำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว แต่ต่อมา นางนุชนาฎ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 

 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนทราบว่า "นายสมชาย" ได้ขับรถเบนซ์วิ่งมาจาก ถ. พุทธมณฑลสาย 3 จะไปทาง ถ.พุทธมณฑลสาย 2 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถ.ทวีวัฒนา- กาญจนาภิเษก ได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของ พ.ต.ท.จตุพร ที่วิ่งมาจาก ถ.พุทธมณฑลสาย 2 กำลังมุ่งหน้าไป ถ.พุทธมณฑลสาย 3 จึงได้พุ่งชนกันอย่างแรง เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้ง 2 คันได้รับความเสียหาย และ พ.ต.ท.จตุพร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจากการสอบสวนทราบว่าคืนเกิดเหตุ "นายสมชาย" ได้ดื่มเบียร์มาจากสนามไดร์ฟกอล์ฟ แขวง-เขตทวีวัฒนา กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.ได้ขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุ ออกมาตามถ.ทวีวัฒนา- กาญจนาภิเษก จนได้มาชนกับรถของผู้ตาย และเมื่อได้ทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ พบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

 

โดย "นายสมชาย" สารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและ ชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน และให้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งระหว่างนั้น "นายสมชาย" ก็ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 200,000 บาท

 

วันนี้ "นายสมชาย" และทนายความ ก็เดินทางมาศาลพร้อมกันฟังฟังคำพิพากษา ฝ่ายครอบครัวรองตี๋ ผู้ตาย ก็มีบุตรสาวทั้งสองอายุ 16 ปี และ 12 ปี เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาในวันนี้พร้อมกับป้าซึ่งได้รับแต่งตั้งจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลางให้เป็นผู้ปกครองแทนบิดา-มารดาที่เสียชีวิตด้วย

 

ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพและรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย เกี่ยวกับประวัติการศึกษา อาชีพ ครอบครัวแล้ว 

 

จึงมีคำพิพากษาเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2284/2562 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.291,300 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.43 (2) (4) , 67 วรรคหนึ่ง ,152 ,157, 160 ตรี วรรคสาม วรรคสี่ อันการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท 

 

ให้ลงโทษฐานขับรถในขณะเมาสุราฯ มาตรา 43(2) ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.160 ตรี วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุก 6 ปี และปรับ 200,000 บาท โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี พร้อมปรับ 100,000 บาท ซึ่งหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการกักขัง ตามแระมวลกฎหมายอาญา ม. 29 , 30 รวมทั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอกนุญาตขับขี่ของ "นายสมชาย" จำเลย และสั่งห้ามจำเลย ดื่มสุรา-เบียร์ หรือเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดด้วย

 

ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์ตามรายงานสืบเสาะแล้ว โทษจำคุกจำเลยนั้น ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี กับทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 48 ชั่วโมง ภายเวลา 1 ปีตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด

 

ภายหลัง "นายสมชาย" เสี่ยเจ้าของธุรกิจอะไหล่รถ จำเลย ได้กล่าวว่า ตนอยากจะกราบขอบพระคุณครอบครัวผู้เสียหายทั้งสองครอบครัว ที่ตนซาบซึ้งมากคือ ท่านได้ให้อภัยในการกระทำของตนตั้งแต่วันแรกๆ และอนุญาตให้ไปรดน้ำศพตั้งแต่คืนแรกจนถึงบวชหน้าไฟในวันสุดท้าย การให้อภัยคือบุญที่ประเสริฐ ตนก็บอกกับตัวเองให้ตอบแทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือเหตุผลที่ตนได้เยียวยาไป

 

หลังจากที่มีการเยียวยาเงินส่วนใหญ่ทั้งหมดก็จะตกไปอยู่กับน้องทั้งสอง และตนคิดว่าส่วนครอบครัวของคุณขนิษฐาที่ต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องทั้งสองก็รวมเป็น 7 คนเงินใช้จ่ายแต่ละเดือนคงจะไม่พอ เพื่อเป็นการตอบแทนในการอโหสิกรรมและให้อภัย ตนก็อยากมอบเงินให้กับน้องทั้งสองคนละ 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกเดือนละ 20,000 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 40,000 บาท ก็จะมีการช่วยเหลือกันทุกเดือน ตามที่บอกเป็นระยะเวลา 8 ปี จนกว่าน้องทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ 

 

ตนก็กระทำความผิดคงไม่กล้าไปให้คำแนะนำใคร ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตนก็เลิกดื่มตลอดชีวิต ใครจะะทำตามก็ได้ ขอขอบคุณสังคมที่ให้ความเมตตา เข้าใจ 


ด้าน "นางขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์" อายุ 45 ปี พี่สาวของนางนุชนาฎ ภรรยา รอง ผกก.ป. ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวใดก็ตามที่ได้เกิดการสูญเสีย ไม่มีทางไหนที่จะทำให้เกิดการพอใจได้ การสำนึกผิดที่จะบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมต่อไป และทางครอบครัวต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้น้องทั้งสองอย่างมากมาย ทำให้เราก้าวข้าม ผ่านวันที่ลำบากยากเย็นมาได้

 

ส่วน "น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล" หรือน้องพลอย อายุ 16 ปี บุตรสาวคนโตของรองตี๋ กล่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้น และให้อภัยนายสมชาย สิ่งที่ทำให้ก้าวผ่านเหตุการณ์มาได้ มีทั้งเพื่อน ที่บ้าน และทุกๆ คนเป็นกำลังใจให้ ซึ่งตนและน้องก็จะตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ทาง "นายสมชาย" ผู้ก่อเหตุ ก็ยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิตซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนเล็ก ที่มีป้าเป็นผู้ปกครองดูแลอยู่

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ