ญาติอดีตจนท.ที่ดินจ.พังงา ติดใจรปภ.-หน.ผู้คุมให้ข้อมูลขัดกัน
ผลชันสูตรศพอดีตจนท.ที่ดินจ.พังงา ตับแตก-เลือดออกในช่องท้องถูกของแข็งไม่มีคม ขาดอากาศหายใจ ญาติติดใจข้อมูลรปภ.กับหัวหน้าผู้คุมให้การขัดแย้งกัน
จากกรณีนายธวัชชัย อนุกุล อายุ 66 ปี ชาว จ.ภูเก็ต อดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงา สาขาท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ต้องคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินใน จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ประมาณ 1,000 แปลง มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ขณะถูกคุมขังในห้องควบคุมตัวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผู้ต้องหาใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเอง และเสียชีวิตที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวานนี้(31ส.ค.) ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายชัยณรงค์ อนุกูล อายุ 63 ปี อดีตพนักงานธนา คารเกษียณ น้องชายของนายธวัชชัย ผู้เสียชีวิต เดินทางมารับศพ โดยผลชันสูตรสาเหตุการตาย “เลือดออกในช่องท้อง ตับแตก จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ร่วมกับขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ”
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ตนและพี่ชาย ปกติไม่ค่อยเจอกันแต่จะมีโทรศัพท์คุยกันบ้าง เนื่องจากไม่ได้อยู่ด้วยกัน กระทั่งวันที่ 29 ส.ค. ที่พี่ชายถูกจับกุม ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เรียกตนเองไปสอบปากคำในฐานะพยาน โดยมีเจ้าหน้าที่ 2 คน และอัยการ 1 คน ร่วมสอบปากคำ โดยพบพี่ชายยังพูดคุยยิ้มแย้มปกติ ไม่มีอาการวิตกกังวล และบอกเพียงจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น ปกติพี่ชายเป็นคนร่าเริง ไม่มีอาการป่วยซึมเศร้า ไม่มีคู่สมรสและบุตร กระทั่งเวลาประมาณ 03.10 น. วันที่ 30 ส.ค. มีโทรศัพท์มาแจ้งว่าพี่ชายผูกคอในห้องควบคุมของดีเอสไอ เมื่อมาถึง รพ.มงกุฎวัฒนะ เวลาประมาณ 03.50 น. พี่ชายยังไม่เสียชีวิตและแพทย์ใช้เครื่องช่วยหายใจพยายามช่วยชีวิต กระทั่งพี่ชายเสียชีวิต ซึ่งทาง รปภ.ของดีเอสไอบอกว่าพี่ชายใช้เชือกจากชายเสื้อผูกคอตัวเอง เมื่อดูบาดแผลที่ลำคอมีรอยแดงขนาดเล็กมากเกือบมองไม่เห็น ซึ่งอาจเป็นรอยที่เกิดจากเชือกหรือลวด
นายชัยณรงค์ กล่าวอีกว่า กระทั่งช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ ทางดีเอสไอออกมาแถลงข่าวอีกครั้งว่า พี่ชายใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเอง ซึ่งไม่ตรงกับตอนแรกที่ทาง รปภ. และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แจ้งว่าใช้เชือกผูกคอ รวมทั้งบาดแผลที่มีขนาดเล็กมาก และถุงเท้าพี่ชายจะใส่แบบสั้นแค่ตาตุ่ม ไม่น่าจะมีความยาวถึงขนาดนั้นและแผลไม่น่าจะบางเล็กจนเหมือนเชือกหรือลวดขนาดนี้ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยในจุดนี้ และผลชันสูตรที่ระบุว่า เลือดออกในช่องท้องและตับแตก ทั้งที่พี่ชายเป็นคนสุขภาพดี ออกกำลังกาย และวันที่ 29 ส.ค. ตนไปให้ปากคำพี่ชายยังปกติดี ไม่พูดถึงอาการป่วยหรือบาดเจ็บอะไร ซึ่งเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติและการที่ถูกจับคดีดังกล่าวทำให้พี่ชายมีค่าตัวสูง ยิ่งทำให้น่าสงสัย จึงอยากขอความเป็นธรรม หลังจากนี้จะนำศพไปบำเพ็ญกุศล วัดบางหลวง อ.เมือง จ.ปทุมธานี สวด 1 คืน และเผาศพวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) ต่อไป