ตร.ประสานปปง.ยึดทรัพย์ซินแสโชกุน-สั่งหาคลิปเสียงโยง ม.112
ตร.เร่งหาหลักฐานคลิปเสียง “ซินแสโชกุน” โยงแอบอ้างเบื้องสูง สั่งสืบเส้นทางเงินหลังพบเงินในบัญชีมีแค่ 3 ล้าน หวั่นโยกทรัพย์สินประสานปปง. ยึดทรัพย์
ความคืบหน้ากรณี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ “ซินแส โชกุน” เจ้าของบริษัท บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด ได้หลอกสมาชิกว่าจะพาไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เมื่อถึงเวลากลับไม่สามารถพาไปได้จริง จนเกิดความวุ่นวายที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังเรื่องแดงเจ้าตัวได้หลบหนีไป กระทั่งตำรวจตามคุมตัวได้ที่ จ.ระนอง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 เม.ย. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี ก่อนเปิดเผยว่าไม่มีความกังวลเรื่องการสอบปากคำเพราะขณะนี้ได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว ผู้ต้องหาสามารถพูดแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ แต่ตำรวจก็จะต้องตรวจสอบจากข้อมูลเชิงประจักษ์ คาดว่าภายหลังสงกรานต์จะมีการสอบสวนและได้ข้อมูลที่มีความชัดเจนขึ้น
ผบช.ก.กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ในเรื่องการยึดทรัพย์แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดโยกย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน แต่จากการตรวจสอบการธุรกรรมกับธนาคารของ ซินแสโชกุนนั้น เบื้องต้นทราบว่ามีจำนวนเงินอยู่ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนที่มีการแปลงสภาพไปเป็นอสังหาริมทรัพย์แล้วนั้นจะเร่งตรวจสอบเพื่อจะได้นำเงินคืนสู่ผู้เสียหายให้เร็วที่สุด
“ส่วนกรณีที่ปรากฏคลิปเสียงของซินแสโชกุนมีการอ้างสถาบันเบื้องสูง ผิดมาตรา 112 นั้น ตอนนี้หลักฐานเอกสารยังไม่มีความเชื่อมโยง อยู่ระหว่างการเร่งหาอุปกรณ์ติดต่อ เช่น โทรศัพท์ของซินแสโชกุน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ อีกทั้งตอนนี้พนักงานสอบสวนได้สืบทราบแล้วว่าเครือข่ายซินแสโชกุนนั้นมีผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่เป็นแม่ข่ายทั้งหมดประมาณ 30 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเชิญตัวทั้งหมดเข้ามาสอบปากคำ” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในวันที่ 14 เม.ย.ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก พร้อมคัดค้านการประกันตัวเพราะผู้ต้องหาอาจจะไปยุ่งหรือทำลายพยานหลักฐานได้