ข่าว

รับคดี "ตู้ห่าว" เป็นคดีพิเศษ จ่อเรียก นอมินี สอบใน 2 สัปดาห์ - ชูวิทย์ ขอบคุณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงรับคดี "ตู้ห่าว" เป็นคดีพิเศษ เตรียมเรียกนอมินีตู้ห่าว สอบภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนแจ้งข้อหา ขณะที่ ชูวิทย์ มอบกระเช้า ขอบคุณ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการ ปปส. และ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ

 

 

ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดี กับ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" และเครือข่าย กลุ่มทุนจีนสีเทา และการอายัดทรัพย์สิน

 

โดยหลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ร้องเรียนผ่านกระทรวงยุติธรรมให้รับคดีนี้ไว้สอบสวนเป็น คดีพิเศษ เนื่องจากพบว่า การกระทำความผิดของผู้ต้องหาทำเป็นเครือข่าย และมีความเสียหายเป็นจำนวนมาก และได้นำเข้าคณะกรรมการกลั่นกรอง มีความเห็นให้ รับคดีความผิดฐานฟอกเงินทางอาญา มูลฐานคดียาเสพติด ไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ เลขที่ 314/2565 เนื่องจากอยู่ในอำนาจของดีเอสไอที่รับคดีไว้สอบสวนได้ตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ โดยที่ไม่ต้องผ่านคณะกรรมการคดีพิเศษ

 

 

โดย นายสมศักดิ์ ระบุว่า การเพิ่มคดีพิเศษในฐานนอมินีครั้งนี้ เพราะ "ตู้ห่าว" เป็นนายทุนและมีเบื้องหลัง โดย ดีเอสไอ และชุดพารีปราบยา ได้ไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้ถือพาสปอร์ตต่างประเทศ เป็นชาวต่างชาติ ที่ถือทุนแทนด้วย จึงได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเป็นใครมาจากไหนอย่างไร และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และหลังจากนี้ภายใน 2 สัปดาห์จะมีการเรียกนอมินี ผู้ที่เป็นกรรมการบริษัท ในหลายบริษัทและผู้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน มาสอบปากคำให้ครบ

 

 

จากนั้นภายใน 30 วัน จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องที่เป็นนอมินีดังกล่าว รวมถึงขณะนี้ ปปส. ได้ยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีก 198 ล้าน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ นางพัชรินทร์ ถืออยู่ ทั้งที่ดิน บ้าน อาคารชุด รถหรู จากเดิมที่ ปปส. ยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 4,100 ล้านบาท และเตรียมออกคำสั่งยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีกกว่า 1,200 ล้านบาท รวมถึงจะตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมอีกด้วย

 

รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีพิเศษ

 

และ การสอบสวนคดีพิเศษ นี้ เป็นเพียงในข้อหาฟอกเงินทางอาญาเท่านั้น ส่วนคดีอาญา และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่นั้น ยังอยู่ในอำนาจ
ของอัยการและตำรวจ แต่จะมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ส่วนจะมีการโอนสำนวนคดีมาสอบสวนเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ยังให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีไปตามปกติ ส่วนจะโอนมาหรือไม่นั้นหากมีความจำเป็นก็ต้องโอนมา

 

 

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกเพิ่มเติมว่า การสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากนี้ ดีเอสไอ ก็จะมีอำนาจในการใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ความเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น รวมทั้งเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องใน คดีฟอกเงิน ซึ่งจะดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์นี้

 

 

ขณะที่ นายชูวิทย์ วันนี้ได้มาร่วมในการแถลงข่าวด้วย พร้อมชื่นชมการทำงานของกระทรวงยุติธรรม และมอบกระเช้าขอบคุณรัฐมนตรีสมศักดิ์ เพราะเห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีและทีมงานเป็นการทำงานที่มีอุดมการณ์ และเพื่อป็นกำลังใจในการทำงาน และมองว่า กระทรวงยุติธรรม ถือเป็นที่พึ่งสุดท้าย ถ้ามาแล้วไม่คืบหน้า ก็ไปโดดน้ำตายดีกว่า วันนี้ในนามคนไทยขอขอบคุณ และขอให้ทำคดีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะทำหน้าที่อย่างจริงจังแน่นอน

 

 

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังได้ฝากคำถามไปถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 5 ข้อเกี่ยวกับการดำเนินคดีตู้ห่าวกับพวกด้วยว่า

 

- ทำไมตั้งข้อหาคดียาเสพติดไม่ตั้งข้อหาคดีสมคบฟอกเงิน

 

- พยานหลักฐานคือค่าเช่า ค่าไฟ เงินค้ำประกัน และสอ่งต่างๆไม่ได้พิสูจน์ว่าตู้ห่าวขายยาเสพติด แต่พิสูจน์ว่าตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานที่ ซึ่งการเป็นเจ้าของสถานที่จะทำให้ไม่สามารถสืบต่อได้ว่าตู้ห่าวมียาและอยู่ในพื้นที่

 

- มีพยานในที่เกิดเหตุจำนวนมากถึง 215 คน ควรจะต้องเอามือถือมาตรวจสอบให้ครบทั้งหมด พยานคนจีนพร้อมกลับคำให้การ แต่พยานเด็กเสิร์ฟไม่มี และพยานสำคัญหลบหนี ดังนั้นเท่ากับไม่มีพยานรวมถึงดำเนินคดีกับคนเอารถของกลางออก เอาพยานหลบหนี ซึ่งบุคคลเหล่านั้นเป็นลูกน้องของ ผบช.น.

 

- อีกทั้งจะดำเนินคดีกับตำรวจที่ให้ช่วยหรือไม่

 

ชูวิทย์ มอบดอกไม้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ