ข่าว

เปิดเหตุผล "สูญสิ้น" ศรัทธาวงการตำรวจ ขอเป็นไม้ขีดไฟ ช่วยไขปัญหา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ หลังยื่นจดหมายลาออก สะเทือนวงการสีกากี เหตุปกป้องผู้กระทำความผิด คนสุจริตไม่ได้รับการเหลียวแล หมดศรัทธาลาออก วอนอย่ารังแกผมเลย หลังถูกเล่นสงครามจิตวิทยาโยงเหตุโคราช

กลายเป็นกระแสร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้งกับ วงการสีกากี เมื่อ ตำรวจ สุพรรณบุรี ยศ ส.ต.อ. ได้ยื่นหนังสือ ลาออก จากราชการ เพราะหมดหวังสูญสิ้นศรัทธาในระบบข้าราชการตำรวจ ปกป้องผู้กระทำความผิด ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตไม่ได้รับการเหลียวแล และยืนยันว่าไม่เคยถูกต้องโทษในคดีอาญาหรือถูกตั้งกรรมการคดีทางวินัยแต่อย่างใด ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา

 

ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กวอนอย่าเล่นสงครามจิตวิทยาใส่ เอาไปโยงกับเหตุที่โคราช และอย่ารังแกกัน ระบุตลอดเวลาที่ทำหน้าที่อุทิศเวลา และชีวิตมากมายแค่ไหน แค่อยากให้สังคมดี สาเหตุการลาออกเคยมีใครเข้าใจหรือยัง

22 ก.พ. 2566 ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ บุญทิม ผู้บังคับหมู่ (งานป้องกันและปราบปราม) สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดใจ ในรายการคมชัดลึก ดำเนินรายการโดย วราวิทย์ ฉิมมณี ถึงสาเหตุการลาออก และทำไมถึงหมดสิ้นศรัทธาตำรวจ โดยระบุว่า องค์กรตำรวจ ก็เป็นองค์กรใหญ่ ตนเองก็เหมือนไม้ขีดไฟ ที่ยอมจุดตัวเองเพื่อให้แสงสว่างของปัญหาได้รับทางแก้ไข ถ้าเราเงียบ ปัญหาอาจจะไม่ได้รับทางแก้ จึงอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับคนในวงการเดียวกัน แม้สุดท้ายอาจจะไม่รู้ว่าจะมีผลการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร หากเรายิ่งเฉยทุกอย่าง เจอปัญหามากมาย ก็จะกลายเป็นคนนิ่งเฉยไปเลย แต่หากเราออกมาพูด เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข ก็อาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน สังคมหรือองค์กรก็จะดีขึ้นได้

"เป็นเหมือนไม้ขีดไฟจุดตนเอง เพราะรู้ว่าต้องสูญเสียอะไรบ้างที่ออกมาพูดในวันนี้ แค่ผมออกมาพูด ผมก็เสียงาน ผมเสียเพื่อนร่วมงาน ผมเสียอาชีพผม อาชีพที่ผมมีความภูมิใจ คือได้จับผู้ค้ายาเสพติด จับ 1 คน ก้ช่วยได้อีกหลายคน ผมคิดตรงนี้ แล้ววันหนึ่งเขามาพากความภูมิใจของผมไป คือตำรวจเขาทำผิดเอง ผมไปจับผู้ต้องหาได้ ทำไมผมจะจับตำรวจด้วยกันเองไม่ได้ ในเมื่อเขากระทำผิด พอผู้บังคับบัญชาไม่เอาผิด แล้วยังมาห้ามให้ผมไม่พูดอีก แต่ผมไม่จบ"

ส่วนที่บอกว่ามีการเล่นสงครามจิตวิทยา ไปโยงเหตุการจ่าคลั่ง กราดยิงโคราช ด้วยเหตุผลที่ว่า ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ เป็นเพื่อนกับจ่าคลั่ง นั้น ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ ยอมรับเป็นเพื่อนกันจริง แต่ตำรวจที่เข้าไประงับเหตุจนถูกยิงนอนติดเตียงก็เพื่อนเขาเช่นกัน ทำไมไม่โยงเป็นเรื่องดีๆบ้าง ทำไมกล่าวหาว่าตนจะมีนิสัยเหมือนจ่าคลั่ง

ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ ระบุอีกว่า ตั้งแต่เข้ารับราชการตำรวจ ได้คิดยื่นใบลาออก 2 ครั้ง ครั้งแรกช่วงติดโควิด ไม่ได้รับการดูแลจากผู้บังคับบัญชา ทำให้ครอบครัวติดโควิดไปเที่ยว ที่สำคัญได้ถูกนำไปโรงพยาบาลสนามไปอยู่ปะปนกับอดีตผู้ต้องหาที่เคยจับกุมเขา อีกครั้งก็มีคำสั่งให้ไปดูแลความสงบเรียบร้อย ช่วงชุมนุม ปี 2564 จึงได้ยื่นใบลาออก ด้วยเหตุผลไม่อยากทำร้ายประชาชน เพราะเคยเห็นเหตุการณ์ชุมนุมมาแล้ว ก็ทำให้ฝังใจ ทำให้รังเกียจการสลายการชุมนุม แต่ก็ได้มีรุ่นพี่เพื่อนร่วมงานมาเกลี้ยกล่อม เพราะเห็นความสามารถ ความตั้งใจในการทำงาน ตอนนั้นก็ใจอ่อนไม่ยื่นใบลาออก

"แต่ปัญหาได้ถูกสะสมมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย อย่างกรณีนายดาบที่ยักยอกยาเสพติดไปขายไม่ถูกลงโทษ และยังมีการใส่ร้ายว่าผมเป็นคนยักยอกยาเสพติดไปขาย ซึ่งก็ได้แจ้งไปยังสารวัตรหัวหน้าหน่วย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอำนาจการลงโทษอยู่ที่ รอง ผกก. ทำให้หมดหวัง สูญสิ้นศรัทธาตำรวจ จึงได้ยื่นใบลาออก เพราะรอเห็นการลงโทษตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565 แต่จนถึง ธ.ค. ก็ยังไม่มีการลงโทษใดๆเกิดขึ้น ทำให้ตัดสินใจยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2566 แม้ยังไม่มีผล เพราะการลาออกจะสำเร็จ ผมต้องไปเซ็นยืนยันลาออก 2 ครั้ง ซึ่งก็ได้เซ็นย้ำไปแล้ว 1 ครั้ง แต่หากอยากกลับไปเป็นตำรวจก็ไปถอนคำสั่งลาออก กลับเป็นตำรวจ"

นอกจากนี้ ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ ยังได้กล่าวถึงกรณี รอง ผบช.ภาค 7 ได้รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ได้มาพูดคุยเกลี้ยกล่อมไม่ให้ลาออก ซึ่ง รอง ผบช.ภาค 7 เคยได้ข้อมูลไม่ตรงกับนิสัยส่วนตัวของตนเอง ที่รับรู้มาว่า ตนเป็นโรคซึมเศร้า คุยไม่รู้เรื่องมีอาการเบลอ แต่เมื่อได้คุยแล้ว รอง ผบช.ภาค 7 ก็รับทราบปัญหาที่แท้จริง พร้อมมีข้อเสนอให้ย้ายที่ทำงาน ซึ่งก็ได้ขอเวลาตัดสินใจ 2 วัน แม้ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาที่ตัวเองออกมาพูดในวันนี้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็พร้อมจะออกอย่างภาคภูมิใจ

"ตอนนี้ผมมองปัญหาวงการตำรวจ การทำงาน อยากให้ผู้บังคับบัญชา ผู้นำอยู่ในใจลุกน้อง ไม่ใช่อยู่บนหัว มีแต่สั่งอย่างเดียว แต่ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ระบบการทำงาน เพราะพวกผม นายตำรวจผู้น้อย ก็เปรียบเสมือนฟันเฟืองคอยขับเคลื่อนการทำงาน โดยมี ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมพวงมาลัย ก็อยากให้มาดูว่าการทำงานของชั้นผู้น้อยเป็นยังไง ระบบสายพานต้องทำยังไง น้ำมันเครื่องต้องเติมตรงไหน จะทำให้ลูกน้องมีกำลังใจในการทำงาน"

 

อย่างไรก็ตาม ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ ยังโชว์รอยสักที่บ่งบอกว่า ตนเองพร้อมพลีชีพการทำงานเพื่อประชาชน พร้อมอุทิศตนให้กับส่วนรวม เป็นข้อความที่อยู่ในบัตรบริจาคมาสักไว้ที่แขน พร้อมเผยแนวคิดเหตุผลที่สักด้วยว่า ร่างกายเราตายไม่ใช่ของเรา ซึ่งหากเป็นอะไรไป ก็อาจช่วยชีวิตคนได้เยอะ ซึ่งจำมาจากหลวงพ่อคูณที่บอกว่า "อย่าเอาร่างกายกูไปหาผลประโยชน์ แต่จงนำไปทำประโยชน์" ทำให้ศรัทธา และนำมาปฏิบัติ

ส.ต.อ.ชัยพัฒน์ ยืนยันรอยสักพร้อมพลีกายเพื่อผู้อื่น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ