ข่าว

รวบเหยื่อสาวขณะ 'อัจฉริยะ' พาร้องอัยการถูกยัดข้อหา เอี่ยวแก๊งรีด 140 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจคูคต บุกรวบ "เหยื่อสาว" คาสำนักอัยการ หลัง“อัจฉริยะ” นำยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม อ้างถูกตำรวจยัดข้อหา เอี่ยวแก๊งรีดทรัพย์ 140 ล้าน เจ้าตัวยันไม่คิดหนี หากตำรวจมีหมายจับ พร้อมพิสูจน์ความจริง

29 มิ.ย. 2566  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำ น.ส.โบว์ (นามสมมุติ) เหยื่อสาว ที่อ้างว่าถูกลูกน้องของ "บิ๊กโจ๊ก"  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อุ้มไปเป็นพยานในคดีของ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.จ.ชลบุรี  กับพวก ร่วมกันรีดเงินผู้ต้องหาในคดีพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท  ยื่นหนังสือต่อนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หลังอ้างว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายผิด พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ “พ.ร.บ.อุ้มหาย”


โดยนายอัจฉริยะ นำหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย และ คลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐาน เกี่ยวกับการแจ้งความเท็จ ยัดข้อหาให้กับ น.ส.โบว์ โดยผู้ที่เป็นคนแจ้งความ คือ ตำรวจยศ ร.ต.อ. ชื่อย่อ "ช" ซึ่งเป็น 1 ในทีมคณะทำงานของ บิ๊กโจ๊ก  ที่มีส่วนร่วมในขบวนการรีดทรัพย์แก๊งพนันออนไลน์ 140 ล้าน ไม่ถูกดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา แต่กลับเป็นคนไปแจ้งให้ข้อมูลกับตำรวจว่า น.ส.โบว์ มีส่วนร่วมกับในการกระทำความผิด
 

อัจฉริยะ นำเหยื่อถูกยัดข้อหา ยื่นหนังสือต่ออัยการ

 

 


นายอัจฉริยะ ระบุอีกว่า หลังจากนี้จะไปแจ้งความยัง ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับ ร.ต.อ. “ช.” ในข้อหาแจ้งความเท็จ  เรื่องนี้ บิ๊กโจ๊ก มีความพยายามในการฟอกขาว นายเป้ ทั้งที่นายเป้เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ที่ทำร่วมกับนายชีพ มีเงินหมุนเวียนในเว็ปพนันกว่าพันล้านบาทต่อเดือน  โดยนายอัจฉริยะได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายของนายเป้ที่กำลังเซ็นยอมรับว่าเป็นเจ้าของเว็ปพนันจริง

ขณะที่ น.ส.โบว์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมามีตำรวจ 3 นาย เข้ามาที่บ้านในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะที่กำลังนอนป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูกอยู่ในบ้าน โดยไม่ได้มีหมายค้นหรือหมายจับหรือหมายใดๆ มาแสดงเลย เพียงแต่บอกว่า “มาขอความร่วมมือ” ก่อนพาไปที่โรงพักบ้านนาสาร และอยู่ที่โรงพักนานถึง 9 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นสภาพร่างกายแย่มาก เนื่องจากเลือดไหลออกตลอดเวลา

 

 

อัจฉริยะ นำเหยื่อสาวยื่นหนังสือต่ออัยการถูกยัดข้อหาไม่เป็นธรรม

 

 

น.ส.โบว์ ระบุว่า หลังจากที่ตนได้หมดหน้าที่การเป็นสายลับให้กับตำรวจชุด ศปอส.จ.ชลบุรีแล้ว ได้เซ็นลงบันทึกประจำวันและลงเบอร์โทรศัพท์ไว้ ว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อเท็จจริง วันนี้รู้สึกว่าจะต้องกลายเป็นเหยื่อและกำลังถูกออกหมายจับ รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆในคดี 140 ล้านบาท และตำรวจชุดที่เข้าไปที่บ้าน ซึ่งเป็นชุดลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก  ยศผู้กำกับในพื้นที่นครศรีธรรมราช พยายามให้เซ็นเอกสารกว่า 100 แผ่น และสอบถามว่า รู้จักคนนั้นคนนี้หรือไม่ และยังนำโทรศัพท์ส่วนตัวไปดึงข้อมูลในโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด เกี่ยวข้องกับการทำงาน เป็นข้อมูลลับ และเกี่ยวข้องกับการธุรกรรมทางการเงิน แต่สุดท้ายต้องเซ็นยินยอมทุกอย่าง เพราะถ้าไม่เซ็นยืนยัน เกรงว่าจะตนจะไม่ปลอดภัย 

 

 

ตำรวจบุกจับสาวที่่นำเหยื่อสาวร้องอัยการถูกยัดข้อหาเอี่ยวแก๊งอุ้มรีด140ล้าน

 

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ นายอัจฉริยะ  ได้นำ น.ส.โบว์ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่ออัยการแล้ว ปรากฎว่า โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  นายอัจฉริยะ มาแจ้งว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบ และตำรวจจาก สภ.คูคต มาจับ น.ส.โบว์ ซึ่งมีหมายศาลจากศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา ร่วมกันเล่นการพนัน และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

ซึ่งนายอัจฉริยะ บอกว่า ข้อหาต่างๆ ที่ถูกกล่าวหานั้น เป็นการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา และ น.ส.โบว์สามารถอธิบายได้ทั้งหมดว่า เงินที่ถูกกล่าวหาว่า มีการโอนให้บุคคลหนึ่งนั้นเป็นเงินจากไหน และนางสาวโบว์ก็ยืนยันว่า ตนไม่ได้คิดจะหลบหนี หากตำรวจมีหมายจับ ตนก็พร้อมพิสูจน์ความจริง

 

ระหว่างนั้น นายอัจฉริยะ ได้มีการตะโกนไปยังตำรวจนอกเครื่องแบบว่า มีหมายศาลแล้ว ทำไมถึงไม่เดินมาจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมท้าทายว่าจะผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และบอกว่าถ้าไม่จับ ตนและ น.ส.โบว์ จะเดินทางไปยัง สภ.คูคตด้วยตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทำการจับกุม เนื่องจากอยู่ในเขตพื้นที่หน่วยงานราชการ

 

แต่เมื่อ นายอัจฉริยะ พา น.ส.โบว์ เดินออกนอกรั้วของ สำนักงานอัยการ ตรงบริเวณจุดรอรถโดยสารสาธารณะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวทำการจับกุม และควบคุมตัวนางสาวโบว์ ในข้อหา ร่วมกันเล่นการพนัน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยคุมตัวไปที่ สภ.คูคต ซึ่งมี นายอัจริยะ เดินทางไปด้วย โดย น.ส.โบว์ ก็บอกว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตัวเองไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้เล่นการพนัน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ