ตม.เอาจริงตรวจสอบความผิดขอทานจีนพร้อมเร่งผลักดัน "ขอทานจีน" ออกนอกประเทศ

กรณีการจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.เปิดเผยถึงประเด็นชาวจีนที่มีลักษณะคนพิการทั้งหน้าตา แขนขา เข้ามาทำอาชีพขอทานในเขตกทม. ว่ากรณีเคสคนสัญชาติจีนทั้งหญิงและชายลักษณะพิการที่เข้ามาขอทานในประเทศไทย ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทางชุดสืบสวนสตม.ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ในการตรวจสอบว่าคนสัญชาติจีนพวกนี้เข้ามาในประเทศได้อย่างไร มีใครช่วยเหลือหรือไม่อย่างไรมีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างสืบสวน 

ส่วนประเด็นที่ว่าตอนเดินทางเข้าประเทศไทยคนสัญชาติจีนพวกนี้มีหน้าตาลักษณะพิการทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบถึงให้ผ่านเข้าประเทศมาได้ ต้องชี้แจ้งอย่างนี้ว่าเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบวีซ่าเข้าออกประเทศ บุคคลที่จะเข้ามามีหมายจับหรือไหม ซึ่งถ้าเขาไม่มีหมายจับและยังไม่ได้กระทำความผิดก็สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ไม่เกี่ยวกับหน้าตาหรือบุคคลิกภาพว่าจะเป็นอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่ก็คงมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน  ตอนนี้ทางเรากำลังเร่งสืบสวนว่าเขาเข้ามาอย่างไร มากับใคร ส่วนประเด็นที่ว่าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อมาเป็นขอทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตามถือว่าเป็นความผิด ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ากระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนผลักดันออกนอกประเทศไทยต่อไป

ในวันเดียวกัน สตม.ยังได้จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ คดีแรก คือ สืบตม. รวบแก๊งต่างชาติหลอกทําวีซ่าเชงเก้นปลอม มีพฤติการณ์เพิกถอนวีซ่าและจับกุมแก๊งต่างชาติ ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกชาวต่างชาติทำวีซ่าเชงเก้นปลอม และเป็น นายหน้ารับทำวีซ่า จํานวน 4 ราย ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าวีซ่าเชงเก้นที่กลุ่ม ชาวปากีสถานรับทำเป็นวีซ่าปลอม จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร บุคคลทั้ง 4 ราย พร้อมดำเนินการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป

ส่วนคดีที่ 2.สืบ ตม. จับชายแดนมักกะโรนี overstay หนีคดีปล้นทรัพย์คนพิการซุกไทย // คดีที่ 3.บก.ตม.6 รวบหนุ่มรัสเซีย หนึ่งในสมาชิก "ธุรกรรมทางการเงินเถื่อน" รับฝาก โอน ถอน เก็บเงินผิด กฎหมายทุกชนิด ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าเงินผิดกฎหมายหมุนเวียน 1,643 ล้านบาท ตรวจสอบพบบุคคลต้องสงสัยจึงขอตรวจ หนังสือเดินทางพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงแจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และจับกุมส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ควนโดน จว.สตูล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป