'ชัชชาติ' ตรวจความเรียบร้อย ถ.สุขุมวิท ยันไม่เกี่ยวศึกกะเทยไทย-ฟิลิปินส์
'ชัชชาติ' ลงพื้นที่ ถ.สุขุมวิท ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่มีข้อมูลคนไทยถูกแย่งงาน เช่น ขายน้ำผลไม้ ยืนยันไม่เกี่ยวศึกกะเทยไทย-ฟิลิปินส์ ด้าน ผกก.สน.ลุมพินี เผย แจ้งข้อหา 4 สาวต่างชาติแล้ว ไม่รับรายงานเข้ามาแย่งอาชีพขายบริการ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมาย และความเรียบร้อยของการให้บริการสถานบริการ และร้านอาหารในพื้นที่โซนถนนสุขุมวิทซอย 3 ถึง 11
นายชัชชาติ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของคณะในวันนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของกลุ่มLGBTQIA+ ระหว่างชาวไทยและชาวฟิลิปปินส์ ที่ทะเลาะวิวาทกันที่ซอยสุขุมวิท 11 แต่เป็นเรื่องต่อเนื่องที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งรัดภารกิจของกรุงเทพมหานคร เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวเยอะแถวเซ็นทรัลเวิล์ด นานา สุขุมวิท และสีลม ที่ผ่านมาพบปัญหาขายบุหรี่ไฟฟ้า Sex Toy ไกด์เถื่อน แท็กซี่เถื่อนคอยจอดรถอยู่ริมถนน
“ก่อนเกิดเรื่องกำชับให้ลงพื้นที่ดูสถานการณ์ พอดีโป๊ะเมื่อคืนเกิดเรื่อง กทม. ต้องดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพราะตนเองก็ใช้เส้นทางนี้บ่อย ตีหนึ่งตีสองมีตั้งโต๊ะส่งเสียง แต่ตีห้าก็เคลียร์หมด”
เมื่อถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ฟิลลิปปินส์เป็นมิตรที่ดีกับเรา คนที่เข้ามาอย่างถูกต้องมีจำนวนมาก ที่เกิดเหตุเป็นคนส่วนน้อย คนฟิลลิปปินส์เข้ามาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้ กทม.ก็มี เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่ทำไม่เหมาะสม ส่วนเรื่องการจัดการหรือดูแลชาวต่างประเทศที่เข้ามาประกอบธุรกิจทำงานในประเทศไทยต้องยอมรับว่า ไม่ใช่หน้างานโดยตรงของกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีอำนาจในการจัดการโดยเฉพาะ เพียงแต่ถ้าพบเจอก็จะต้องส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
ส่วนจะถึงขั้นแบล็คลิสต์กลุ่มคนฟิลิปปินส์ที่ก่อเหตุหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ไม่ว่าคนชาติใดที่ทำผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามกฏหมายอย่างเข้มข้น เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง เพราะมีเรื่องศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ทั้งนี้ในฐานะเจ้าบ้าน ยอมรับว่า ปัญหาของชาวต่างชาติ เบียดเบียนพื้นที่ทำกินของชาวไทย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ในหลายรูปแบบ ที่พบมากคือกลุ่มเพื่อนบ้านอาทิ กัมพูชา และเมียนมาร์ที่ขายน้ำผลไม้ตามที่ท่องเที่ยว ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่เทศกิจ เมื่อพบเจอก็จะต้องแจ้งเรื่องให้ตำรวจในพื้นที่รับช่วงต่อจัดการ แต่เทศกิจก็จะหาแนวทางป้องกันในฐานะผู้ดูแลเรื่องหาบเร่แผงลอย
ส่วนประเด็นการค้าบริการทางเพศ นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครไม่สามารถจัดการได้โดยตรงเช่นกัน แต่หวังว่าในอนาคตจะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ปัญหานี้ เบื้องต้นกรุงเทพมหานครทำได้เพียงเป็นทางเลือกให้กลุ่มคนที่ทำงานในลักษณะดังกล่าวได้ประกอบอาชีพอื่นๆ เพราะหลายคนที่ทำอาชีพนี้ เขาอาจไม่มีทางเลือก กทม.ยินดีที่จะหยิบยื่นโอกาสให้
หลังจากนี้คงต้องร่วมมือกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะเทศกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สคบ.เพื่อตรวจตราดูสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากสังเกตุดูจะพบต่างชาติเข็นรถขายน้ำส้มและน้ำทับทิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงงานผิดกฎหมาย โดยที่ผ่านมายังไม่ได้รับรายงานเรื่องคนฟิลิปปินส์เข้ามาเป็น Sex Worker เพราะเราไม่มีอำนาจไปดูแล และยังไม่มีประชาชนแจ้งมาที่ Traffy Fondue มีเพียงเรื่องหาบเร่แผงลอยต่างชาติที่ไม่สนใจระเบียบ โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนให้ต่างชาติมาเข็นรถขายน้ำผลไม้
จากนั้นนายชัชชาติ เดินเท้าจากซอยสุขุมวิท 3 ไปยังซอยสุขุมวิท 11 โดยพบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่เกิดเหตุ โดยได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นเพื่อนนักวิ่งด้วยกันว่า “ฝากดูด้วยนะ ให้นักท่องเที่ยวเขามั่นใจเรา” ซึ่งผู้ประกอบการเปิดเผยว่า ที่ผ่านมากลุ่มสาวๆที่ผ่านไปมาหน้าร้านเป็นประจำอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนนี้ ซึ่งมีการตะลุมบอนมาจนถึงหน้าร้านของเธอ ทำให้ข้าวของเสียหายเช่น โต๊ะ เก้าอี้ ป้าย ร้านและพัดลม อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ มีชาวไทยโอนเงินมาให้จากสหรัฐอเมริกาฯ จำนวน 10,000 บาท เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมระบุว่า "ขอโทษแทนน้องกะเทย” แล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี ยืนยันว่า ได้แจ้งข้อหากับชาวฟิลิปปินส์แล้ว ทั้งหมด 4 คน ส่วนที่มีรายงานว่าบางส่วนหลบหนี และคุมตัวได้ที่สนามบิน ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ การตรวจสอบเบื้องต้นชาวฟิลิปปินส์เข้ามาประเทศด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ส่วนระยะเวลาการพักอาศัยยังอยู่ในเวลาที่อนุญาต ส่วนก่อนหน้านี้เคยเข้ามากี่ครั้งและ ลักลอบทำงานหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ
เมื่อถามถึงกรณีคนในพื้นที่ให้ข้อมูลว่าในซอยที่เกิดเหตุมีชาวฟิลิปปินส์และต่างชาติ เข้ามาขายบริการโดยแย่งพื้นที่กับคนไทย ประเด็นนี้ พ.ต.อ.ยิ่งยศ กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับรายงาน และจากการสอบปากคำชาวไทย ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังไม่มีใครเปิดเผยประเด็นนี้