ย้อน 3 ทายาท อีลิท ก่อคดีอุบัติเหตุฉาว สังคมถามรอดคุกเพราะเป็นอภิสิทธิ์ชน?

เหตุการณ์บรรดา "อีลิท" (Elite) ลูกผู้มีอิทธิพล คนใหญ่คนโต ทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นกฎหมายในคดีอาญา คดีจราจร ขับรถชนคนตายหลายศพ เมาแล้วขับ กันบ่อยครั้งแต่ละครั้งกลายเป็นที่วิจารณ์ของสังคมอย่างมาก ถึงกระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมาย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักจะได้รับอภิสิทธิ์ หรือการอาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อรอดพ้นจากการถูกลงโทษตามกฎหมายอยู่เสมอ

ย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปี อุบัติเหตุบนท้องถนนที่ก่อโดยลูกหลายอีลิทมีอยู่หลายคดีด้วยกัน แต่ที่กลายป็นกระแสสังคม และถูกจับตามองมากที่สุดหลายคคงจำกันได้ โดยเฉพาะคดี แพรวา 9 ศพ และ คดี บอส อยู่วิทยา เมาแล้วขับชนดาบตำรวจเสียวิต และล่าสุดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ กับลูกชายรัฐมนตรีช่วยฯ ท่านนึงก่อเรื่องเมาแล้วขับ ที่กำลังเป็นที่จับตามองของสังคมอีกครั้ง คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปย้อนคดีอุบัติที่เกิดขึ้นลูก "อีลิท" ซึ่งเป็นคดีสะเทือนสังคม กันอีกครั้ง

1.ปี 2553  คดีที่ทุกคนเรียกติดปากว่า แพรวา 9 ศพ  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนโทลล์เวย์ดอนเมือง โดยเธอได้ขับรถเฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร สาย ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยฯ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย โดยรถของเธอขับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะพุ่งชนรถตู้ที่มีผู้โดยสารนั่งมา 14 คน รถตู้คันดังกล่าวถูกชนและร่วงตกดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่มีความสูง 20 เมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 8 ศพ บาดเจ็บ 6 คน อีก 1 คนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย

ขณะนั้นผู้ก่อเหตุอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นด้วยอายุที่ยังไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ จึงกลายเป็นที่จับตาของสังคมอย่างมาก ว่าเธอจะถูกดำเนินคดีอย่างไร  แต่สิ่งที่สะเทือนในมากที่สุดคือ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเธอกลับยืนพิงแบริเออร์พร้อมกับแชตบีบี ซึ่งจุดนี้ได้สร้างกระแสร้อนในสังคมมากที่สุด

การต่อสู้คดีของเหยื่อและ แพรวา 9 ศพ นับว่ายาวนานอย่างมาก เธอต่อสู้จนครับทั้ง 3 ศาล ท้ายที่สุดจ่ายเงินชดเชยเหยื่อทั้งหมดรวม 42.5 ล้านบาท

แม้ว่าเธอจะไม่ถูกลงโทษทางกฎหมายให้เกหมาะสมกับการกระทำความปิดความนี้ และแม้ว่าเปลี่ยนชื่อหลายต่อหลายครั้ง แต่งงาน สมัครเข้าทำงานกับหน่วยงานทหาร แต่ก็ยังมีคนจำเธอไดเในชื่อ แพรวา 9 ศพ อยู่ดี

2.อีกหนึ่งคดีที่ถูกจับตาอย่างหนัก และสังคมเริ่มการกดดันกระบวนการยุติธรรมคือ คดี บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ที่มีพฤติกรรเมาแล้วขับ ชนดาบตำรวจเสียชีวิต และหลบหนีความผิด แต่ความพีกของคดีนี้คือ การให้คนงานที่บ้านออกมารับผิดแทนตัวเอง จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2555 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ สน. ทองหล่อ บอส (วรยุทธ) อยู่วิทยา ขับรถเฟอร์รารีหรูชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ก่อนที่จะลากร่างของ ด.ต. วิเชียรไปไกลกว่า 200 เมตรทำให้เสียชีวิตทันที และหลบหนีไปที่บ้านพัก ระหว่างการดำเนินคดีเขาได้เดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ปี 2560 ด้วยเครื่องบินส่วนตัว กระบวนทางกฎหมายไไม่สามารถกักขังผู้กระทำความผิดได้ ท้ายที่สุด คดีของ บอส อยู่วิทยา เหลือเพียงข้อหาเดียว คือ การขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงมีอายุความ 15 ปี และจะขาดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570 หรือเวลาอีก 5 ปีเท่านั้นเขาก็จะรอดทุกคดี เนื่องจากคดีจะขาดอายุความ

อย่างไรก็ตามการกระทำความของเขากลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีการเป็นอภิสิทธิ์ชน ที่มีส่วนทำให้เขารอดพ้นจากการถูกลงโทษไปได้

3.คดีล่าสุดที่เพิ่งก่อเหตุโดยบรรดาลูกหลานอีลิทในเมืองไทยอีกหนึ่งคดี คือ คดีเมาแล้วขับของลูกชายวัย 46 ปี ที่เป็นทายาทของรัฐมนตรีช่วยท่านนึง โดยมีการตรวจพบว่ามีพฤติกรรมเมาแล้วขับ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้มากกว่า 183 มิลกรับเปอร์เซ็นต์

เหตุเกิดขึ้น ณ 18 เม.ย 2567 บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 31 มีรถ BMW ขับชะลอเข้าจุดตรวจ ท่าทีมีพิรุธต้องสงสัย เมื่อถึงจุดตรวจตำรวจ ได้เรียกให้หยุดแต่คนขับรถไม่ยอมหยุดรถ และได้ขับรถฝ่าจุดตรวจ ตำรวจจึงใช้แผงเหล็กเลื่อนมากันเพื่อหยุดรถ แต่คนขับไม่ยินยอมหยุด และขับชนแผงเหล็ก

ลูกชายรัฐมนตรีช่วยถูกแจ้งข้อหา ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรที่สั่งให้มีการทดสอบว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุรา หรือเมาอย่างอื่น" ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินคดี รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 522/2567 เบื้องตนเข้าตัวได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัวไปแล้วเรียบร้อย

และคดีนี้คงหลายเป็นอีกหนึ่งคดีที่ถูกจับตามองจากสังคมถึงกระบวนทางกฎหมายไม่ต่างจากคดี แพรวา 9 ศพ และ คดี บอส อยู่วิทยา และแม้ว่าจะรอดพ้นกระบวนการทางกฎหมาย แต่ท้ายที่สุดก็จะถูกลงโทษทางสังคมอยู่ดี