เครื่องหอมปัญญ์ปุริแบรนด์ไทย...มาตรฐานโลก
เครื่องหอมปัญญ์ปุริ แบรนด์ไทย...มาตรฐานโลก : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดย - ธานี กุลแพทย์ ภาพ - สุกล เกิดในมงคล
หากจะนับจำนวนแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เชื่อว่าคงนับไม่ถ้วน และดูเหมือนสินค้าประเภทนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูง ทำให้หลายคนที่สนใจก้าวสู่ธุรกิจ เริ่มไม่แน่ใจว่าจะช่วงชิงพื้นที่ได้อย่างไร แต่กับความคิดของคนหนุ่ม "ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากย์ กลับมองต่างจากภาพที่เห็น ด้วยการสร้าง “ปัญญ์ปุริ” มุ่งเจาะตลาดบน ภายใต้กรอบความคิดที่ว่า ก้าวสู่สิ่งที่ชอบ เลือกในสิ่งที่ใช่ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นลักชัวรี่สกินแคร์แบรนด์ไทย ที่ก้าวไกลระดับโลกด้วยคุณภาพและแพ็กเกจสวยงาม
"ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปุริ จำกัด เจ้าของแบรนด์ปัญญ์ปุริ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สปาและผลิตภัณฑ์อโรม่าเธอราพีชื่อดัง หนุ่มโสดมาดเนี้ยบวัย 37 ปี เริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองในปี 2546 จากความหลงใหลใน "กลิ่น" ของสินค้าประเภทนี้ โดยเฉพาะกลิ่นหอมในอัตลักษณ์ของความเป็นไทย หลังจากไปศึกษาจนจบปริญญาตรีที่แคนาดา ทำงานที่สหรัฐอเมริกา และอิตาลีนานนับสิบปี กระทั่งกลับมาอยู่เมืองไทย
“วันหนึ่ง ผมไปห้างสรรพสินค้าเพื่อหาซื้อครีมอาบน้ำ แต่ไม่พบกับกลิ่นหรือคุณภาพที่ตัวเองชอบ ทำให้คิดว่า งั้นทำเองเลยดีไหม ไหนๆ ก็ชอบเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว"
จากแวบแรกความคิด ทำให้เขาตัดสินใจจะผลิตเครื่องประทินผิวเพื่อส่งออกทันที เพราะเห็นว่าคนไทยยังไม่เปิดรับสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลผิวต่างๆ บวกกับเพื่อนเป็นนักเคมีและมีโรงงานเล็กๆ ผลิตเครื่องหอมแต่ไม่มีแบรนด์ จึงเริ่มต้นวางแผนสร้างแบรนด์เกี่ยวกับสปา
โดยเขามองว่าตลาดช่วงนั้น ธุรกิจสปาตามโรงแรมใหญ่กำลังเติบโต แต่กลับไม่มีเครื่องหอมหรือผลิตภัณฑ์เป็นของไทยเลย ''ปัญญ์ปุริ ลักชัวรี่สกินแคร์สายเลือดไทย'' จึงเกิดขึ้นโดยมุ่งเจาะตลาดบนเท่านั้น ซึ่งเขามองว่ายังเป็นช่องว่างของตลาดสินค้าประเภทนี้ อีกทั้ง ผ่านกระบวนการคิดแล้วว่า ไทยมีพร้อมทั้งวัตถุดิบ การบริการเป็นเลิศ แต่สิ่งที่ขาดคือการนำเสนอที่น่าสนใจ ซึ่งเขาให้ความสำคัญกับแพ็กเกจจิ้ง และคุณภาพผลิตภัณฑ์ว่าต้อง ''เจ๋ง'' เพื่อจะได้แข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดโลกได้
"ถ้าเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับล่าง ระดับกลาง ความคิดอาจจำกัดอยู่ในกรอบ เนื่องจากราคาไม่สามารถตั้งสูงได้ แต่การเจาะตลาดบน สามารถสร้างลูกเล่นได้มากขึ้น ใช้ไอเดียเต็มที่ เพราะราคาไม่ใช่ปัญหาของผู้ซื้อ ปัญหาคือทำอย่างไรให้โดนใจเขา"
ถึงแม้ว่าการสร้างแบรนด์มีรายละเอียดปลีกย่อยมาก แต่การมีกรอบความคิด มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเป็นหลักในการทำงานจะช่วยให้เดินได้อย่างไม่หลงทาง นั่นเป็นแนวคิดของ "ปุ๋ย" วรวิทย์ ซึ่งมองว่าการที่สินค้าจะเป็น ลักชัวรี่ แบรนด์ ได้นั้น สิ่งที่มาเป็นอันดับแรกคือ ประวัติศาสตร์หรือเรื่องราว ซึ่งหมายถึงความเป็นมาของแบรนด์อันจะช่วยสร้างความเชื่อถือ และมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ได้ โดยเฉพาะหากจะสร้างสินค้าให้ตลาดต่างประเทศน้อมรับ
ฉะนั้น จุดเริ่มต้นของปัญญ์ปุริ คือเจาะตลาดยุโรป กลุ่มเป้าหมายที่บริโภคเชิงวัฒนธรรม โดยใช้ความเป็นไทย รากเหง้าทางวัฒนธรรมเป็นตัวทำตลาด แต่ทุกอย่างต้องผ่านการตีความ เพื่อให้เขาเข้าใจ
“จึงเน้นเรื่องวัตถุดิบ จุดขายต้องให้ในสิ่งซึ่งลูกค้าไม่มี ผมจึงกำหนดพืชพันธุ์นำมาใช้ผลิตต้องมาจากซีกตะวันออก โดยไม่ระบุแค่ความเป็นไทย เพราะแคบเกินไป แต่ไทยเป็นศาสตร์หนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้น ส่วนภาพลักษณ์และความรู้สึกของสินค้าต้องมีความเป็นฝรั่ง แต่ฝีมือไทย"
อีกทั้ง ปัญญ์ปุริ ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่สูตรและกลิ่น เพราะปราการด่านแรกที่สร้างแรงดึงดูดใจจากผู้บริโภคได้ คือรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ "ปุ๋ย" วรวิทย์ ใช้เวลาทุ่มเทสร้างสรรค์จน "โดน" ใจลูกค้า โดยเฉพาะการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็นสินค้าที่วางประดับตกแต่งบ้านได้ ขณะที่บนฉลากสินค้าเน้นภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศส ฉีกแนวทางไปจากผู้ผลิตรายอื่นๆ
"ภาษาฝรั่งเศส มันเหมือนมีมนต์ขลัง สร้างความน่าเชื่อถือได้ง่ายโดยเฉพาะกับพวกเครื่องสำอางด้วยแล้ว ผมคิดแต่แรกแล้วว่าจะต้องเอาภาษาฝรั่งเศสมาใส่บนผลิตภัณฑ์ สเต็ปต่อมาค่อยคิดว่าจะทำครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์พวกสปา เพราะชอบและยังไม่มีคนทำ เพียงแต่เราต้องทำออกมาให้พรีเมียมจริงๆ"
วรวิทย์ คิดถูก ต่อเมื่อสินค้าของเขาก้าวขึ้นสู่แนวหน้าผลิตภัณฑ์สปาชั้นนำระดับ ลักชัวรี่ โปรดักท์ ที่คนดังทั่วโลกและคนในแวดวงฮอลลีวู้ดหลายรายใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ผู้ดำเนินรายการทอล์กโชว์ชื่อดังโอปราห์วินฟรีย์ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตนักฟุตบอลชื่อก้องโลก ยังกลายเป็นสาวกของปัญญ์ปุริ
การทำงานอย่างหนักกว่า 1 ทศวรรษ ของ วรวิทย์ ในนามบริษัท ปุริ จำกัด ผลิตสินค้าในโหมดสกินแคร์ อโรมาเธอราพี ระดับไฮเอนด์กว่า 100 รายการ พร้อมทีมงานขับเคลื่อนอีกกว่า 200 ชีวิต 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นการผลิตในนามแบรนด์ปัญญ์ปุริ ส่วนที่เหลือผลิตป้อนสปาชั้นนำ และโรงแรมระดับ 5 ดาว หลายแห่งทั่วโลก ที่รวมยอดขายต่อปีประมาณ 400-500 ล้านบาท
ปัจจุบัน “ปัญญ์ปุริ” มีสินค้าขายรีเทลให้ผู้บริโภค กับประเภทที่เข้าไปอยู่ในสปาและโรงแรม มีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วโลก อาทิ ห้างแฮร์รอดส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ห้าง แกลเลอรี่ ลาฟาแยต และ บีเอชวี กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, ห้างอิเซตัน มิซูโกชิ ประเทศญี่ปุ่น, ห้างเลน ครอว์ฟอร์ด ทั่วเกาะฮ่องกง ฯลฯ
รวมไปถึงกลุ่มลักชัวรี่ ของสปาและโรงแรมระดับ 5 ดาว ในประเทศไทยและทั่วโลก อาทิ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ, โรงแรมชาโตว์ มงฟอร์ท ประเทศอิตาลี, โรงแรมเด แปเชอร์ ประเทศฝรั่งเศส, โรงแรมเอมิเรตส์ พาเลซ โรงแรมอนันตรา สปา อาบูดาบี เป็นต้น
“ตอนนี้ผมได้ต่อยอดธุรกิจ เปิดปัญญ์ปุริ ออร์แกนิก สปา สถานทีผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในบรรยากาศของผลิตภัณฑ์คุณภาพออร์แกนิคที่กรุงเทพฯ และมาดริด สเปน ซึ่งผลตอบรับดีมาก และมีแนวโน้มที่จะเปิดอีกหลายแห่งในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน สนองรับเปิดอาเซียนครับ”
อย่างไรก็ตาม แม้ ปัญญ์ปุริ จะได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย โดย ล่าสุด รางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่นปี 2557 (PM Award 2014) ประเภทแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand) จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
หรือก่อนนั้นปี 2556 ผลิตภัณฑ์ถุงเครื่องหอมเฟมม์ฟาตาล (Femme Fatale Perfume Sachet) หนึ่งในสินค้าของปัญญ์ปุริได้รับรางวัลเหรียญทอง จากงานประกวดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติ (Pentaward) ในสาขาผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ ที่ประเทศฝรั่งเศส และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับ "ปุ๋ย" วรวิทย์ แล้วเขามองว่าความสำเร็จนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือเข้าไปหยั่งรากลึกให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
โดยเป้าหมายสูงสุด คือสร้าง ปัญญ์ปุริ ให้เป็นแบรนด์ดังของเมืองไทย หรือจากซีกตะวันออก ให้มีภาพชัดในสายตาชาวโลกทัดเทียมหรือดีกว่า โปรดักท์ ลักชัวรี่ ที่มาจากฝั่งตะวันตก แม้จะใช้เวลานานกว่าจะถึงวันนั้น ทว่า เขาก็ไม่ย่อท้อ มั่นใจในพลังความสามารถของตัวเอง ว่าจะนำพาเครื่องหอมไทยแบรนด์นี้ก้าวไปสู่จุดหมายนั้นให้ได้
เรื่อง - หลัก 3 ข้อนำสู่ความสำเร็จ(เบื้องต้น)
"ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากย์' เป็นชาวเมืองหลวงโดยกำเนิดเติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่ทำธุรกิจส่วนตัว การศึกษาชั้นมัธยมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก่อนไปจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศแคนาดา
“ตอนนั้นทุกคนในครอบครัวคาดหวังว่าโตขึ้นผมจะเป็นหมอ เนื่องจากผลการเรียนค่อนข้างดีมาก ติดอันดับ 1 ใน 3 ของชั้นมาตลอด แต่พอผมไปฝึกงานที่โรงพยาบาล มีโอกาสได้เห็นแพทย์เขาผ่าศพ ผมตัดสินใจทันทีว่า ชีวิตนี้เป็นหมอไม่ได้แน่นอน"
นั่นเป็นเส้นทางชีวิตก่อนเขาจะหันเหเลือกทางเดินของตนเอง ภายใต้กรอบความคิดที่ว่า ก้าวสู่สิ่งที่ชอบ เลือกในสิ่งที่ใช่ กระทั่งนำมาซึ่งการผลิตสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สปา ผลิตภัณฑ์เธอราพีระดับพรีเมียม แบรนด์ปัญญ์ปุริ แบรนด์ไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกในปัจจุบัน
กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เอ็มดี บริษัท ปุริ จำกัด ยอมรับว่า การทำงานมีอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้น ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับความอดทน เพราะการทำงานในความหมายของเขาเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ที่จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาได้ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่มีความฝัน อยากมีธุรกิจของตัวเอง แล้วประสบผลสำเร็จเบื้องต้นเช่นเขา ว่า
1.ต้องหัดตั้งคำถามกับตัวเอง มองตัวเองให้ออกว่าชีวิตเราต้องการอะไร ชอบอะไร
2.หยุดคิดอยากเป็นคนรวย อย่าเอาความอยากเป็นที่ตั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้มองไม่เห็นตัวเอง จะมองแต่คนอื่นและเกิดคำถามว่าทำไมเขารวย แต่เรายังจนและ
3.ต้องเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพ เพราะคนทุกคนมีความสามารถเพียงแค่รอเวลาที่ใช้เท่านั้น