ข่าว

 กรมโรงงานฯยกระดับรง.อุตฯสู่“สมาร์ท แฟกตอรี่”  

กรมโรงงานฯยกระดับรง.อุตฯสู่“สมาร์ท แฟกตอรี่”  

20 มี.ค. 2561

ยกระดับรง.อุตฯสู่“สมาร์ท แฟกตอรี่”   เร่งดันโรงงานสีเขียว5หมื่นแห่งทั่วไทย   

 
 
             กุญแจสำคัญช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการยุคใหม่ได้เรียนรู้และปรับตัวสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ไม่สามารถมองความสำเร็จในด้านผลประกอบการสูงสุดได้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ภาคธุรกิจและทุกภาคส่วนต้องหันมาให้ความสำคัญถึงปัจจัยในด้านการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการอนุรักษ์และรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย 

กรมโรงงานฯยกระดับรง.อุตฯสู่“สมาร์ท แฟกตอรี่”  
              วันนี้ทุกภาคส่วนจึงเริ่มหันมามองการพัฒนาการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาในมิติใหม่ๆ ของผู้ประกอบการผ่านการนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ 
                “เป้าหมายของกรมคือ การส่งเสริมโรงงานสีเขียวให้มีมากขึ้นในทุกปี ปีละ 2,000 โรง หรือให้มากกว่า 5 หมื่นแห่งในอนาคต โดยปัจจุบันมีโรงงานสีเขียวอยู่แล้วกว่า 2 หมื่นโรงงาน ซึ่งทั้งหมดมุ่งหน้าตามกรอบเป้าหมายในการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยให้มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัย และก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 อย่างมีเสถียรภาพต่อไป"
               มงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวกับ “คม ชัด ลึก” ถึงแผนการดำเนินงานการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย นับจากนี้เป็นต้นไปจะใช้แนวทางการส่งเสริมเพื่อมุ่งเน้นพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยมุ่งนำเอาเทคโนโลยีการผลิต สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยมาปรับใช้อย่างบูรณาการ โดยเริ่มจากการสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ประกอบการผ่านการลดขั้นตอนการพิจารณา

             ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการขออนุญาต การต่ออายุ หรือแม้กระทั่งการขยายโรงงาน ซึ่งแต่เดิมใช้ระยะเวลาประมาณ 30 วัน เมื่อกระบวนดังกล่าวแล้วเสร็จคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการน้อยลงควบคู่ไปกับการนำเอาดิจิทัลมาปรับใช้ ยิ่งทำให้ภาพรวมการดำเนินงานในอนาคตมีทิศทางที่คล่องตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อการขยายความเชื่อมั่นให้แก่การลงทุนแก่ผู้ประกอบการได้อย่างมั่นใจ โดยจะมุ่งหน้าสื่อสาร และมอบองค์ความรู้ เกี่ยวกับ Smart Factory และอุตสาหกรรมสีเขียว ให้แก่ภาคธุรกิจผ่านในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2018 ที่จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ด้วย 
            อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยต่อว่า สำหรับภารกิจหลักในการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต ในขณะที่สามารถช่วยลดการใช้วัตถุดิบ พลังงาน น้ำ ไฟ และลดการก่อมลภาวะ ซึ่งกระแสการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมนั้นได้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ในภูมิภาคที่ตื่นตัวและจัดกิจกรรมในเรื่องดังกล่าวมาโดยต่อเนื่อง ซึ่งงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2018 ในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน พร้อมศึกษาเทรนด์และองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอบสนองการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ยังคำนึงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์อีกด้วย 
             ในแง่ของการกำกับดูแลนั้น มงคลระบุว่าได้เริ่มดำเนินการปรับ พ.ร.บ.โรงงาน เพื่อให้สอดรับกับงบประมาณและยกระดับการจัดการให้เกิดความสมดุลของกรม อาทิ โรงงานกลุ่มที่ 1 และโรงงานกลุ่มที่ 2 ที่มีกำลังผลิตแรงม้าไม่เกิน 50 แรงม้า ทางหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในชุมชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา สำหรับโรงงานกลุ่มที่ 3 ที่มีกำลังผลิตตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไป กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเข้าไปกำกับดูแลโดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานที่คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งถ้าแผนดังกล่าวเป็นไปตามที่กำหนด โรงงานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเข้าไปกำกับดูแลจะเหลือเพียง 8 หมื่นโรง ซึ่งในขณะนี้มีอยู่ 1.4 แสนโรง
             อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ให้การสนับสนุนการจัดงาน BOILEX ASIA 2018 and Pumps & Valves Asia 2018 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2018 ร่วมกับ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้จัดงานสัมมนาวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “Smart Factory สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน” โดยภายในงานมีการบรรยายหัวข้อทางกฎหมายและด้านอื่นๆ เช่น ความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำ สารเคมี การป้องกันอัคคีภัย ระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมกากอุตสาหกรรม วัตถุอันตราย อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ รวมทั้งการจัดนิทรรศการพร้อมโชว์เคสเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวให้เท่าทันในยุคปัจจุบัน
            ขณะที่ สรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในการพัฒนาพลังงานของไทยร่วมกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของ BOILEX ASIA 2018 and Pumps & Valves Asia 2018 หรืองานอุตสาหกรรมเฉพาะทางหนึ่งเดียวในอาเซียน นอกจากเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความรู้ ยังได้อัพเดทความเคลื่อนไหวจากผู้เข้าร่วมจัดแสดง แบรนด์ดังอย่าง Viessmann และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ จาก 35 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
           พร้อมกันนี้ยังมีพาวิลเลียนชั้นนำจาก 10 ประเทศ อาทิ เยอรมนี สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ อเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและสัมมนาที่น่าสนใจในหลากหลายประเด็น เกี่ยวกับด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์พลังงาน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3 หมื่นราย จาก 45 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน เข้าร่วมกิจกรรมและชมงานครั้งนี้
             สำหรับ ASEAN Sustainable Energy Week 2018 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมด้านพลังงานหมุนเวียน การใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดร่วมกับงาน BOILEX ASIA 2018 and Pumps & Valves Asia 2018 จัดขึ้นในระหว่างวันพุธที่ 6 ถึงวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
เผยยอดลงทุนขยายโรงงาน 4 เดือนสูง 1.5 แสนล.
            มงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เผยยอดการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายโรงงานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ว่ายังมีทิศทางการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีจำนวนโรงงานที่ขอใบอนุญาตทั้งสิ้น 352 โรงงาน มีมูลค่าการลงทุนสุทธิ 29,464.45 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มที่มีการขอจดประกอบกิจการใหม่ 287 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 13,291.3 ล้านบาท กลุ่มขยายกิจการมีจำนวน 65 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 16,173.14 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมผลและเทียบข้อมูลการขอใบอนุญาตประกอบและขยายกิจการกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่ามีการเติบโตขึ้น ประมาณ 21.62%
             ส่วนในเดือนมกราคม 2561 พบว่ามีโรงงานที่ขอใบอนุญาตทั้งสิ้น 404 โรงงาน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีการขอจดประกอบกิจการใหม่ 342 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 15,318 ล้านบาท กลุ่มขยายกิจการมีจำนวน 62 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 7,647 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมผลจากข้อมูลการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และการขยายกิจการในเดือนมกราคม พบว่าสูงขึ้น 13.48% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีจำนวน 356 โรงงาน 
             ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 ถึงกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีการจดประกอบและขยายกิจการทั้งสิ้น 1,601 โรงงาน มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 154,876.26 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบการลงทุนกับช่วงระยะเวลาเดียวกัน ถือว่ามีการเติบโตขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1.5% จากเดิมที่มีมูลค่าการลงทุน 152,587.14 ล้านบาท นอกจากนี้ยังการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย พบว่ามีการเติบโตสูงขึ้น ถึง 44.83% โดยมีมูลค่าการลงทุนจำนวนรวม 80,540.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 55,609.10 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป จำนวน 316 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 48,031.83 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 38 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 22,731.84 ล้านบาท และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 53 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 6,473.79 ล้านบาท ซึ่งจากการเติบโตที่เกิดขึ้นยังช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 36,554 คน เติบโตจากเดิม 35,147 คนหรือร้อยละ4 
                                                        .........................................................