"กลุ่มเนชั่นฯ"จัดทัพใหญ่ดัน 4 ธุรกิจฟื้นปี 61
"กลุ่มเนชั่นฯ"จัดทัพใหญ่ ดัน 4 ธุรกิจฟื้นปี 61 หลังธุรกิจทีวีดิจิทัลยังอยู่ในภาวะการปรับตัวจากผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้นเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง
9 เมษายน 2561 ธุรกิจทีวีดิจิทัลยังอยู่ในภาวะการปรับตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้น เม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง และความนิยมในสื่อใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงทำให้เกิดสื่อออนไลน์ต่างๆ มากขึ้น
ขณะที่สื่อใหญ่ซึ่งมีทั้งแบนด์และฐานลูกค้าอยู่แล้วต้องลงมาแข่งขันในสนามนี้ด้วยเพื่อรักษาตลาดของตัวเองเอาไว้ให้ได้ จึงเห็นปรากฎการณ์ปรับโครงสร้างและเขย่าองค์กรกันแทบทุกสื่อ บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์เศรษฐกิจ และมีช่องทีวีดิจิทัล 2 ช่อง (ช่อง 22 และ ช่อง 26 ) ประสบปัญหาไม่แตกต่างกัน
จากผลประกอบการขาดทุนหนักตั้งแต่ปี 2559- 2560 จนล่าสุดยังไม่สามารถส่งงบการเงินประจำปี 2560 ได้ ซึ่งหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นมีบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มเนชั่นฯ วันนี้พร้อมกับการแข่งขันแล้ว
โดยบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่แบ่งเป็น 4 กลุ่ม โดยเน้นในธุรกิจที่มีความชำนาญ คือ การผลิตสื่อที่น่าเชื่อถือ กลุ่มที่ 1 เป็นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ 3 ฉบับประกอบไปด้วย กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจสื่อทีวี 2 ช่อง ประกอบด้วย เนชั่น 22 และ ช่อง นาว 26
กลุ่มที่ 3 ดิจิทัล เป็นการนำเสนอบนแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต (OTT) มีทั้งคมชัดลึก เนชั่นสุดสัปดาห์ กรุงเพทธุรกิจ และ ช่องเนชั่น 22
กลุ่มที่ 4. อีเว้นส์ มีทั้งรายการกีฬา งานเอ็กซ์โป งานรางวัล อบรมสัมมนา และการฝึกอาชีพ โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2561 บริษัทจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนและรับรู้กำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งประเมินว่ารายได้ประมาณ 700 ล้านบาท สามารถคลอบคลุมต้นทุนการดำเนินงานได้แล้ว ซึ่งบริษัทยังเตรียมหารายได้เพิ่มในส่วนของนิวมีเดียจากคอนเทนส์ที่มีอยู่แต่ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ส่วนนี้ในอดีต
ขณะที่เมื่อแบ่งเป็นเป้ารายได้ปีนี้จะมาจากกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ ยอดขายโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์ 3 ฉบับประมาณ 470 ล้านบาท ขายหนังสือพิมพ์ 150-180 ล้านบาท และจากนิวมีเดีย 50 ล้านบาท กลุ่มทีวีคาดว่ามีรายได้โฆษณาจากช่องทีวีดิจิทัล 600 ล้านบาท นิวมีเดีย 50-60 ล้านบาท
สำหรับรายได้ใหม่จากกลุ่มดิจิทัลมาจากนิวมีเดีย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามผ่านระบบโซเซียลประมาณ 18 ล้านคน แบ่งเป็น ช่องเนชั่น 22 มี10.83 ล้านคน คมชัดลึก 4.05 ล้านคน เนชั่นสุดสัปดาห์ 1.89 ล้านคน และกรุงเทพธุรกิจ 1 ล้านคน สามารถทำรายได้ในระดับ 30,000 บาทต่อวันจากอดีตอยู่ที่หลักพันบาทต่อวัน ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 3 ปี 2561 จะดันรายได้ในส่วนนี้เป็น 1 แสนบาทต่อวัน
"สมชาย มีเสน" กรรมการและประธานบริหาร บมจ. เนชั่นฯ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดใหม่ที่เข้ามาจะพยายามพลักดันให้กลุ่มเนชั่นฯ กลับมาฟื้นให้ได้ จากที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาที่ไม่ค่อยดีหนักหากแต่ยังมีโอกาสกลับมาดีขึ้นไม่ใช่ขาดทุนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
นอกจากหาโอกาสและรายได้เพิ่มให้กับบริษัทแล้ว ยังต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในอดีตที่หลังจากตรวจสอบงบการเงินปี 2560 พบว่ามีความผิดปกติจากเงินค้างชำระ 790 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2558-2560 และ60 % ในจำนวนดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่มีจริง ทำให้ไม่สามารถรองรับงบการเงินได้ แต่จากการตรวจสอบแล้วเสร็จและมีการดำเนินการทางกฎหมาย จะมีการส่งงบการเงินปี 2560 ให้ทันภายในเดือนเม.ย.
ปัญหาหนี้สินที่สูงถึง 1,500 ล้านบาท ทางคณะกรรมการไม่ได้นิ่งนอนใจ และหาทางชำระเงินที่มีอยู่ เพราะได้มีเจรจากับเจ้าหนี้ให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่จากเดิมสูงถึงเลขสองหลักลงมาเป็นอัตรากู้ในตลาด ซึ่งต้องอยู่ที่การพิจาณาของเจ้าหนี้
รวมไปถึงการนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่น ที่ดิน โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัย ช่องวาไรตี้ประมูลขายให้กับผู้ที่สนใจแต่ยังติดปัญหาที่ราคายังไม่สามารถตกลงได้ ดังนั้นบริษัทจะมีการดูราคาตลาดและความคิดเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดก่อนจะนำมาเสนอประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งในเดือน มิ.ย. นี้
"อันไหนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักจะขายออกไป หากกรณีเลวร้ายไม่สามารถขายได้จะดำเนินการหาผู้เชียวชาญมาบริหาร ซึ่งคณะกรรมการและผู้บริหารมีความมั่นใจว่าจากการประเมินแผนจะทำให้ปีนี้บริษัทกลับมาดีขึ้นได้ ยิ่งหากรัฐบาลช่วยพักชำระหนี้ 3 ปี มีเงินสดเพิ่มขึ้นและบันทึกเป็นกำไรในปีนี้เช่นกัน"