ข่าว

 จาก"ค้าข้าวสยาม"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

 จาก"ค้าข้าวสยาม"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

23 พ.ย. 2561

 จาก"ค้าข้าวสยาม"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย   การันตีข้าวไทยยังครองเบอร์1ของโลก      

 

              สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย(Thai Rice Exporters Association) มอบรางวัล“บุคคลทรงคุณค่าผู้มีคุณูปการต่อการส่งออกข้าวไทยในรอบศตวรรษ หรือTREA Centennial Trophy”แก่ 3 บุคคลสำคัญ ผู้เป็นพลังร่วมขับเคลื่อนการส่งออกข้าวไทยจนครองชัยในตลาดโลก ประกอบด้วยนางอรนุช โอสถานนท์ จากประเทศไทย มร.เจือง ทันห์ ฟ็อง จากเวียดนาม และมร.เคนเน็ธ ชาน จากฮ่องกง โดยในพิธีมอบรางวัลเกียรติยศครั้งนี้ จัดขึ้นภายในงานฉลองครบรอบ 100 ปี การสถาปนาสมาคมฯ ณ ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยมี ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เป็นประธาน พร้อมนำคณะกรรมการบริหารและสมาชิกสมาคมฯ ให้การต้อนรับผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการข้าวไทย พันธมิตรทางการค้าและแขกผู้มีเกียรติจากทั่วไทยและทั่วโลกที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

 จาก\"ค้าข้าวสยาม\"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

 จาก\"ค้าข้าวสยาม\"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

 จาก\"ค้าข้าวสยาม\"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

 จาก\"ค้าข้าวสยาม\"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

     

  ร.ต.ท.เจริญกล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งสมาคมฯ เท่านั้น แต่ถือเป็นโอกาสฉลองความสำเร็จของข้าวไทยที่สามารถปักธงสร้างชื่อให้ประเทศในเวทีโลกมาอย่างยาวนานถึงหนึ่งศตวรรษ รวมทั้งเป็นการแสดงความขอบคุณผู้มีคุณูปการต่อวงการข้าวและสมาคมฯ โดยได้มีการได้จัดสร้างรางวัลเกียรติยศ‘TREA Centennial Trophy’เพื่อมอบเป็นการเชิดชูเกียรติในฐานะบุคคลทรงคุณค่าผู้มีคุณูปการต่อการส่งออกข้าวไทยในรอบศตวรรษจำนวน 3 ท่านจากปีระเทศไทยและทั่วโลก 

        นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวอีกว่าจากจุดเริ่มต้น ภายใต้ชื่อ‘สมาคมค้าข้าวสยาม’ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่1 เมื่อปีพ.ศ.2461 โดยนายโง้ว เพ็ก ง้ำ นายกสมาคมท่านแรก ที่ได้รวบรวมกลุ่มพ่อค้าขายส่งข้าวสาร ผู้ประกอบการโรงสีข้าวสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนพ่อค้าข้าวทั้งที่จำหน่ายข้าวในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ สมาคมฯได้ฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ผ่านการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนคณะผู้บริหาร เปลี่ยนสถานที่ทำการมาหลายครั้ง จนมาเป็นสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในวันนี้ และสามารถช่วยกันผลักดันข้าวไทยไปสร้างชื่อคว้าชัยในเวทีโลกได้สำเร็จในปีพ.ศ. 2524 ทำให้ประเทศไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก และครองความเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวของโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา

       "แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คืออุดมการณ์และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนข้าวไทยของคณะกรรมการและสมาชิกของสมาคมทุกๆ คน ทุกหยาดเหงื่อ แรงกาย ทุกแรงใจจากทุกท่านและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้สมาคมฯ ยืนหยัดมาถึงปีที่100 ได้อย่างสง่างามในวันนี้”นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าว  

          อรนุช โอสถานนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ หนึ่งในผู้สร้างคุณูปการต่อการค้าข้าวไทย อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตลอดชีวิตการทำงานกว่า 40 ปี เธอเป็นผู้บุกเบิกเปิดตลาดข้าวไทยในทวีปต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอฟริกา จนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทยในวันนี้ เป็นผู้วางรูปแบบการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (G to G)และด้วยแรงผลักดันของท่าน ทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 6 ล้านตัน ในปีพ.ศ. 2532

         อรนุช กล่าวถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติว่าข้าวเป็นเรื่องใหญ่ ยากที่คน ๆ เดียวจะบริหารงานได้สำเร็จหากไม่มีผู้บังคับบัญชา คืออดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตอธิบดีหลายๆ กรมฯ ที่ให้ความเมตตาเป็นที่ปรึกษา เกื้อหนุน และชี้แนะแนวทางต่าง ๆ รวมทั้งยังมีเพื่อนข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และทีมข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศที่แข็งขัน มีความรัก สามัคคี อดทน ร่วมตรากตรำทำงาน จึงถือว่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นของขวัญสำหรับกระทรวงพาณิชย์และคนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้าวทุกกรมฯ และถือเป็นการสดุดีข้าราชการ ผู้ทำคุณประโยชน์และเป็นขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการในปัจจุบัน

        ขณะที่ มร.เจือง ทันห์ ฟ็อง อดีตนายกสมาคมอาหารเวียดนามได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ริเริ่มความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรการค้าข้าวภาคเอกชนขึ้นในปีพ.ศ. 2549 และด้วยความเชี่ยมชาญและประสบการณ์อันยาวนานด้านการค้าข้าวและสินค้าเกษตร ทำให้มร.ฟ็องได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเวียดนามหลายยุคหลายสมัย ก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าหลายด้านอันเป็นประโยชน์ต่อวงการค้าข้าวเสมอมา

       เขากล่าวถึงความภาคภูมิใจในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งของสมาคมฯ โดยระบุว่าการได้รับรางวัลนี้ ถือเป็นสิ่งที่พิเศษมากสำหรับตนเองและตัวแทนสมาคมอาหารเวียดนามทุกๆ คน ต้องขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อความรักและมิตรภาพที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมีให้เสมอมา รางวัลเกียรติยศนี้มีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้รับมอบในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของสมาคมฯ แล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงมิตรภาพอันแนบแน่นระหว่างไทยและเวียดนามที่ตนเองขอเป็นตัวแทนรับมอบแทนชาวเวียดนามทุก ๆ คน 

     ส่วน มร.เคนเน็ธ ชาน นายกสมาคมนักธุรกิจค้าข้าวของฮ่องกง ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่3 ของตระกูลชาน แห่งบริษัท กุ่ย ฟัต หยวน ซึ่งได้นำเข้าข้าวไทยไปเปิดประตูสู่ตลาดข้าวพรีเมี่ยมฮ่องกงที่นับเป็นตลาดส่งออกสำคัญยิ่งของโลกเป็นครั้งแรกเมื่อ 80 ปีที่แล้วและยังนำเข้าต่อเนื่องตลอดมา แม้ในภาวะที่ข้าวไทยประสบปัญหา มร.เคนเน็ธ ชาน ในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจค้าข้าวแห่งฮ่องกงก็ได้นำคณะผู้แทนการค้าจาก 4 สมาคมของฮ่องกงมาเยือนไทยเพื่อพบปะหารือเพื่อขยายตลาดการค้าข้าวเป็นประจำทุกปี จนทำให้ข้าวหอมมะลิไทย สามารถครองตลาดฮ่องกงมาจนถึงปัจจุบัน

       "รางวัลอันทรงเกียรตินี้ ไม่ได้เป็นของผมคนเดียว แต่เป็นของผู้นำเข้าฮ่องกงทุกๆ คน Mr Chan Wai Shun บิดาของผม ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการสนับการนำเข้าข้าวไทย รวมถึงการโปรโมทข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิให้เป็นที่รู้จักในตลาดฮ่องกงมายาวนาน และแม้ว่าฮ่องกงจะเป็นเมืองเล็ก แต่เป็นเมืองนานาชาติ ที่โด่งดังเรื่องอาหาร และเราโชคดีที่เป็นพันธมิตรกับประเทศไทย เพราะข้าวไทยถือเป็นข้าวที่ดีที่สุด”นายกสมาคมนักธุรกิจค้าข้าวของฮ่องกง กล่าวอย่างภูมิใจ 

 

  

     อย่างไรก็จากข้อมูลกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ระบุสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยในปี 2560  ส่งออกได้มาถึง 11.48 ล้านตัน ถือเป็นการส่งออกข้าวที่สูงสุดในประวัติการณ์ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.88% จากปีก่อน รวมมูลค่ากว่า 5,106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ส่วนในปี 2561 นี้ คาดว่าการส่งออกข้าวน่าจะได้ถึง 9.5 ล้านตัน รวมมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากในปีนี้ผลผลิตข้าวมีปริมาณลดน้อยลง เนื่องจากสภาพอากาศ ประกอบกับรัฐได้ระบายข้าวในสต๊อกออกหมดแล้ว ทำให้ลดแรงกดดันด้านราคาได้