จากมัลติคาเมร่าสู่"เซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม" อีกสุดยอดนวัตกรรม"สตาร์ทอัพไทย"
“เราเชื่อว่าคนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก” อีกบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมมัลติคาเมร่า ภายใต้สิทธิบัตรสายพันธุ์ไทยของสองหนุ่มสตาร์ทอัพ เจ้าของบริษัท โปร-ทอยส์ จำกัด “บุญชัย วงศ์บวรเกียรติ” และ “บงการ พยัฆวิเชียร” ล่าสุดได้เปิดตัวผลงานผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “เซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม” ซึ่งได้รับเหรียญทองชนะเลิศจากเวทีนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ (ITEX) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี 2018
บุญชัย วงศ์บวรเกียรติ
“เราไม่มีคู่แข่ง ถ้าในภูมิภาคนี้ไม่มีแน่ๆ เราแข่งกับตัวเองมากกว่า แข่งกับงบประมาณที่เรามี แข่งกับความเชื่อมั่น” บุญชัยกล่าวยืนยันกับ “คม ชัด ลึก” ภายหลังแถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรม “เซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม” ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สุขุมวิท 101 โดยนวัตกรรมตัวนี้เป็นการรวมกล้องถ่ายรูปมากกว่า 100 ตัวในการทำ 3D ART LIGHT PAINT สร้างภาพ 3D พร้อมระบบ SFX เทคนิค Bullet Time ด้วยกล้อง Full Frame คุณภาพสูงล่าสุดจากแคนนอน สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์และโฆษณา
บูญชัย แจงต่อว่า ระบบการถ่ายภาพเซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม เป็นการถ่ายภาพโดยผ่านมือถือคุณเองเพื่อให้ได้ภาพเซลฟี่ที่เห็นความสุขและสามารถขยายจนเห็นความงดงามที่ยิ่งใหญ่ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนพลังเซลฟี่ให้เป็นฟรีพีอาร์แล้วส่งต่อแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้คนทั่วโลกได้รับรู้โดยผ่านสังคมออนไลน์
“โลกใบนี้ภาพเซลฟี่เยอะมาก ถ้าเราหาประโยชน์จากภาพเซลฟี่ได้มันจะเป็นมูลค่ามหาศาล ถามว่าหาวิธีอย่างไรให้ทุกคนมีความสุขร่วมกัน” คำถามใจในที่นักครีเอทีฟคอนเทนต์อย่างบุญชัย มีข้อกังขา ก่อนถูกจุดประกายจากบริษัทจำหน่ายกล้องถ่ายรูปยักษ์ใหญ่อย่างแคนนอนในการนำคอนเทนต์ที่มีอยู่มากมายบนโลกใบนี้มาต่อยอดด้วยเทคโนโลยีมัลติคาเมร่าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้คอนเทนต์นั้นๆ
“เชื่อไหมว่าประเทศไทยโดดเด่นในเรื่องคอนเทนต์มาก มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมายแต่เราไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือทำคอนเทนต์ไปโชว์ ก่อนที่แคนนอนจะให้ไอเดียมา เราก็เกิดความคิดว่าอยากจะรวมทีมนักวิจัย รวมสิ่งที่เป็นเครื่องอุปกรณ์ถ่ายทำ จึงจะเป็นที่มาของมัลติคาเมร่าแล้วมาสู่เซลฟี่เอ็กซ์ตรีม” บุญชัย เผยที่มาของนวัตกรรมเซลฟี่เอ็กซ์ตรีม
สตาร์ทอัพคนเดิมยอมรับว่าจากวิธีคิดนี้ทำให้เราสามารถคิดประดิษฐ์นวัตกรรมคุณภาพระดับฮอลลีวู้ดที่มีราคาถูกกว่าเมืองนอกแต่ได้ผลรับที่ไม่ต่างกัน โดยใช้หลักการง่ายๆ ถ้าคุณอยากถ่ายเซลฟี่กับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เริ่มจากใช้มือถือสแกนคิวอาร์โค้ดในบริเวณจุดที่ให้บริการในสถานที่ดังกล่าว จากนั้นก็กดรีโมทชัตเตอร์สั่งการในระบบของเราซึ่งอยู่อีกซีกหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยว หลังถ่ายเสร็จภาพจะวิ่งเข้ามาในมือถือของคุณทันที และจะเป็นรูปเวิลด์ไวด์ 360 องศา ที่ไม่สามารถเซลฟี่ภาพได้โดยใช้มือถือธรรมดา
บงการ พยัฆวิเชียร หุ้นส่วนบริษัทโปร-ทอยส์ จำกัด กล่าวเสริมแนวคิด “เซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม” ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยวในการสร้างกิมมิกให้สถานที่ท่องเที่ยวด้วยภาพถ่ายสุดอลังการที่เก็บบรรยากาศได้ครบจบในชัตเตอร์เดียว ถ่ายแล้วรู้ว่าอยู่ที่ไหนพร้อมโชว์ในโลกโซเชียลได้ทั่วโลก เพราะหนึ่งคนแชร์ล้านคนวิวจะทำให้เกิดมูลค่าทางการตลาดมหาศาลได้ในคลิกเดียว
“เราพร้อมแชร์ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ให้นักท่องเที่ยว เพราะเราพ่วงกับทุกโซเชียลมีเดียทั่วโลก ถ้าอีเวนท์เกิดขึ้นในจีนก็เปิดเหว่ยโป๋ ถ้าเกิดขึ้นในเกาหลี ก็มีทาเกา ถ้าเกิดขึ้นในอินเดียหรือเมืองไทยก็ใช้เฟซบุ๊ก ยูทูบ อินสตาแกรม คือเราดึงกล้องที่มีคุณภาพสูงมาบวกกับความเป็นโมบาย ข้อดีของมือถือคือใกล้ตัวและเร็ว คุณภาพไม่ได้แต่ถ้าเราดึงคุณภาพมาใกล้ตัวเร็วๆ ได้ สิ่งที่ตามมาคือคุณจะได้ภาพที่สวยมากๆ ที่สำคัญคือได้การพีอาร์ นี่คือจุดเด่นของเซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม” หุ้นส่วนโปร-ทอยส์ คนเดิมกล่าวย้ำ
สำหรับแผนการตลาดจากนั้นไป บงการ มองว่าจะรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยในประเทศนั้นที่ผ่านมาได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการถ่ายโฆษณาเมืองรองและยังได้ร่วมกับพันธมิตรอย่างบริษัทช่างภาพไทย จำกัด ในการถ่ายทำแลนด์มาร์คที่เป็นไฮไลท์ท่องเที่ยวของจังหวัดต่างๆ ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้าเพื่อโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยให้ชาวโลกได้รู้จัก
“เป้าหมายต่อไปของเราอยากเป็นสินค้าส่งออก เราจึงต้องการที่จะเก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งหมดในเมืองไทยเพื่อจะไปหาลูกค้าในเมืิองนอก”
บงการ ยังกล่าวถึงแผนการตลาดว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการทำข้อตกลงทางธุรกิจกับพันธมิตรในแหล่งท่องเที่ยวและธีมพาร์คทั้ง 3 แห่ง รวมถึงการขยายธุรกิจสู่ในภูมิภาคอาเซียน โดยลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในเวียดนามและเมียนมาร์ในการสร้างรายได้จากนวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์และเผยแพร่เทคโนโลยีจากประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับและแพร่หลายภายใต้โปร-ทอยส์แบรนด์คนไทยเพื่อตอกย้ำว่า “คนไทยทำได้”
“เซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม” ผ่านมุมมองช่างภาพมืออาชีพ
ทวีชัย เจาวัฒนา อดีตหัวหน้าช่างภาพเครือเนชั่นและเจ้าของบริษัทช่างภาพไทย จำกัด หนึ่งในพันธมิตรหลักของโปร-ทอยส์ ในการสรรค์สร้างคอนเทนต์กล่าวยอมรับความมหัศจรรย์นวัตกรรมมัลติคาเมร่า ภายใต้ระบบการถ่ายภาพเซลฟี่ เอ็กซ์ตรีม ว่าเป็นระบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในมืองไทย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ในฐานะช่างภาพนิ่ง
“เราก็เป็นมนุษย์กล้องนะ แต่ไม่เคยเห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้มาก่อน เพราะไม่ใช่แค่ภาพถ่ายเซลฟี่ธรรมดา แต่มันถ่ายได้ดังใจที่เราคิด สิ่งที่เราสนใจ ผมมองว่าเซลฟี่เอ็กซ์ตรีมในมุมมองของช่างภาพมันยิ่งใหญ่ นอกจากเห็นตัวเราแล้วยังเห็นแลนด์สเคปใหญ่ๆ อีกด้วย ก็เลยอยากต่อยอดเอาสิ่งที่เราถนัดมาช่วยทางโปร-ทอยส์ ตอนนี้มีโปรเจกท์ใหญ่ร่วมกับโปร-ทอยส์อยู่ 2 ตัวคือ วัดบ้านไร่และสวนเสือศรีราชา”
ทวีชัย เผยต่อว่า สำหรับที่วัดบ้านไร่ซึ่งเป็นวัดหลวงพ่อคูณ ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ โดยจุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ที่วิหารเทพที่มีความสวยงามและนักท่องเที่ยวมักไปถ่ายเซลฟี่กัน และที่สำคัญเป็น 1 ใน 9 วัดในภาคอีสานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปักหมุดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้าม...พลาด
ทวีชัย เจาวัฒนา
ส่วนอีกแห่งเป็นสวนเสือศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเจ้าของต้องการให้มาติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายทำเป็นแบบสตูดิโอถาวรเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่ชอบการถ่ายเซลฟี่เพื่อให้ได้ภาพเป็นที่ระลึก แต่มีข้อจำกัดที่อาจได้รับอันตรายหากเข้าใกล้เสือมากเกินไปและยังถ่ายได้ในจุดที่จำกัด แต่หากมีเซลฟี่เอ็กซ์ตรีมให้บริการก็จะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้ภาพที่สวยงามทั้งในระยะใกล้ระยะไกลตามความพอใจของนักท่องเที่ยวได้
“ที่วัดบ้านไร่ สิ้นเดือนนี้จะเริ่มการติดตั้งอุปกรณ์ ใช้เวลาไม่นานคงเรียบร้อย ส่วนที่สวนเสือศรีราชาขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวางแผน แต่ที่นี่คงต้องใช้เวลาสักระยะ ต้องสร้างความคุ้นเคยกับสัตว์ก่อน ที่นี่มีสัตว์หลายประเภท แต่ที่เด่นเป็นไฮไลท์คือเสือและจระเข้ซึ่งเจ้าของต้องการให้มีการติดตั้งเป็นสตูดิโอแบบถาวร”
ทวีชัย ยังกล่าวถึงแผนการในปีหน้าที่จะดำเนินการต่อจิ๊กซอว์ทำแลนด์มาร์คเมืองไทยทั้ง 77 จังหวัดแล้วนำมาพัฒนาเป็นมุมมองใหม่โดยใช้โปร-ทอยส์เข้ามาช่วย เนื่องจากเก่งในเรื่องซอฟต์แวร์ ในขณะที่เราเป็นช่างภาพนิ่งและมีโอกาสเดินทางไปเห็นวัตถุดิบมาแล้วทั่วประเทศจึงนำวัตถุดิบเหล่านี้มาต่อจิ๊กซอว์เชื่อมโยงกันแล้วทำให้เกิดคอนเทนต์และโยนเข้าไปในโซเชียลซึ่งโปรเจกท์นี้จะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง