"ครม." เคาะงบกระจาย กระตุ้นเศรษฐกิ สุขภาพ การศึกษา เมกะโปรเจ็กต์ เลือกตั้ง
"ครม." เคาะงบกระจาย หลัก 100 ล้านจนถึงหลัก 1,000 ล้าน ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ด้านสุขภาพ การศึกษา งบเตรียมเลือกตั้ง และเมกะโปรเจ็กต์
เรียกได้ว่าเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการเคาะงบประมาณ อนุมัติงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อนำไปเสนอแก่สำนักงบประมาณ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการประชุม "ครม." นัดที่มีการเคาะงบประมาณให้แต่ละโครงการมากที่สุดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นปีกันเลยทีเดียว ซึ่งงบประมาณที่อนุมัติในวันนี้ มีทั้งงบประมาณสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ การดูแลด้านระบบสาธารณสุข การศึกษา
งบประมาณสำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงการเคาะงบให้กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สำหรับเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งรอบหน้าอีกด้วย
สำหรับโครงการที่ "ครม." ได้รับการเห็นชอบ อนุมัติงบประมาณที่สำคัญ ๆ มีดังนี้
1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว อนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น 3,946,434,800 บาท จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
- โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016,000,000 บาท
- โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย วงเงิน 1,930,434,800 บาท
2.อนุมัติหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง จำนวน 5,945,161,000 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้
- รายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ดำเนินการโดยสำนักงาน กกต. จำนวน 5,104,546,750 บาท
- รายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการโดยหน่วยงานสนับสนุน ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ รวม 10 หน่วยงาน วงเงิน 840,614,250 บาท อาทิ
เนื่องจากอายุของสภาผู้แทนราษฎรว่า จะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ
3.อนุมัติงบ ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 4 เดือน กรอบวงเงิน 7,500 ล้านบาท สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ระยะเวลา 4 เดือน
โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้
- ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์/หน่วย
- ผู้ใช้ไฟฟ้า ระหว่าง 151 - 300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วยโดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์/หน่วย
4.ครม.เห็นชอบโครงการพัฒนาเครือข่ายระบบด้านการดูแลสุขภาพจิต กรอบวงเงิน 686.07 ล้านบาท เนื่อง ปัจจุบันไทยมีบุคลากรด้านสุขภาพจิตรวม 5,946 คน
5.ครม.เห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบฯ67 วงเงิน 7,985,786,100 บาท แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำการศึกษา ปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ช่วยนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส 2,636,304 คน ดังนี้
- นวัตกรรมและการวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กรอบวงเงินงบประมาณ 267.50 ล้านบาท
- พัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา (ปฐมวัย-ภาคบังคับ) กรอบวงเงินงบประมาณ 5,359.05 ล้านบาท
- พัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ เช่น พัฒนากลไกและสร้างเครือข่ายโรงเรียนเชิงพื้นที่ กรอบวงเงินงบประมาณ 280 ล้านบาท
- จัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กรอบวงเงินงบประมาณ 70 ล้านบาท
- พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูสำหรับโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล กรอบวงเงินงบประมาณ 394.11 ล้านบาท
6.ครม.เห็นชอบโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย วงเงิน1,514.6172 ล้านบาท เชื่อมโยงระบบการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่ออนาคต พร้อมคุ้มครองข้อมูลตามกฎหมาย
7.ครม.เห็นชอบการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดลำพูน รวม 2 โครงการ ดังนี้
- โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,385 ล้านบาท มีเนื้อที่ประมาณ 1,482 ไร่ มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์ หุ่นยนต์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รีไซเคิลกากอุตสาหกรรม และกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์
- โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,160 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากรายได้และเงินสะสมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ทั้งหมด โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ และตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน