ไลฟ์สไตล์

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

04 ธ.ค. 2559

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10 ประชาชนรับบริการทั่วถึงเสมอกัน

         “ทุกคนที่ทำงานให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จะต้องไม่ลืมว่าโรงพยาบาลนี้กำเนิดขึ้นจากความมุ่งปรารถนาอันแรงกล้าของคนไทยทั่วราชอาณาจักร ที่ต้องการจะเห็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่ รักษาพยาบาลเป็นอย่างดีให้ปลอดภัยขากความเจ็บไข้โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน” พระราชดำรัสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ณ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2529

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

         โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช(รพร.) ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2520 ศ.ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีดำริจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในถิ่นทุรกันดารเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯประหนึ่งเป็นของขวัญจากประชาชนชาวไทย

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

        ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลได้ระดมทุนด้วยการเชิญชวนพี่น้องชาวไทย ทุกหมู่เหล่า บริจาคเงิน ที่ดิน สิ่งของ และทรัพย์สินอื่น ๆ เพื่อสมทบทุน ในการก่อสร้าง โรงพยาบาล สมเด็จพระยุพราช จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2522 ได้เงินบริจาครวมทั้งสิ้น เป็นเงิน 193,842,601.63 บาท จึงได้มีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช มีการดำเนินการสร้างโรงพยาบาลในท้องถิ่นที่ห่างไกลและกันดาร พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการรักษาพยาบาล รวมทั้ง ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการบริหารงานโรงพยาบาลที่จัดสร้างขึ้น โดยมอบให้เป็นโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จำนวน 21 แห่ง 

         ศ.ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กล่าวไว้เมื่อคราประชุมสามัญประจำปี 2559 คณะกรรมการมูลนิธิฯว่า แนวทางการทำงานทศวรรษที่ 5 ของรพร. มีการตั้งเป้าหมายให้รพร.เป็นโรงพยาบาลต้นแบบแห่งความสุข โดยใช้ยุทธศาสตร์สู่ความเป็นเลิศ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความเป็นเลิศด้านการส่งเสริมและการป้องกันโรค 2.ความเป็นเลิศด้านบริการทางการแพทย์ 3.ความเป็นเลิศด้านบุคลากร และ4.สร้างธรรมาภิบาลในองค์กร

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

          พร้อมกันนี้ ได้วางแผนการดำเนินงาน 10 เรื่อง ได้แก่ 1.พัฒนาและยกระดับศักยภาพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชให้ได้ตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานสากล 2.พัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศทั้ง 4 ด้าน มีระบบติดตามคุณภาพ รพร. ภายในเครือข่ายทั้ง 21 แห่ง 3.สร้างทีมหมอครอบครัว 4.พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างต่อเนื่อง 5.จัดหาพลังงานทดแทนในโรงพยาบาล เพิ่มพื้นที่สีเขียว 6.สร้างมาตรฐานโรงพยาบาลแห่งความสุข และสร้างระบบพี่เลี้ยง 7.พัฒนาระบบการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในโรงพยาบาล 8.พัฒนาให้เป็นองค์กรนวัตกรรมตั้งเครือข่ายนวตกรรมกลุ่ม รพร. 9.พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการเข้าถึงบริการ และ10.พัฒนาจิตตปัญญาในองค์กร โดยการสร้างแรงจูงใจในการใช้จิตตปัญญาในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ จะดำเนินการทั้ง 10 เรื่อง ในโรงพยาบาลสมเด็จยุพราชทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2559

            พื้นที่อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เป็น 1 ใน 21 พื้นที่ที่ได้รับเลือกให้จัดตั้ง รพร.ขึ้น โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อปี 2518 และเสด็จเปิดโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2522 นพ.วัฒนา พารีศรี ผอ.รพร.ท่าบ่อ บอกว่า  พื้นที่อ.ท่าบ่อ ได้รับคัดเลือกให้จัดตั้ง เนื่องจากในอดีตเป็นพื้นที่ทุรกันดารและเป็นพื้นที่สีชมพูที่มีปัญหาเรื่องคอมมิวนิสต์ จึงต้องการให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลด้อยโอกาสได้รับการรักษาพยาบาล 

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

           ระยะเริ่มต้นรพร.ท่าบ่อเปิดเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันจัดเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง มีบุคลากร 661 คน มีแพทย์เฉพาะทางครอบทุกสาขาหลัก ได้แก่ ศัลยกรรม อายุรกรรม สูตินรี  และวิสัญญี  จำนวน 32 คน ให้บริการประชาชนในลักษณะผู้ป่วยนอก ประมาณ 2.6 แสนคนต่อปี และผู้ป่วยในราว 18,000 คนต่อปี 

           “รพร.ท่าบ่อได้รับรับการรับรองมาตรฐาน JCI ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลรัดับโลกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรพร.ท่าบ่อนับเป็นโรงพยาบาลชุมชนแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นแนวหน้าของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานJCI” นพ.วัฒนา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ 

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

            นอกเหนือจากการให้บริการรักษาพยาบาลประชาชนโดยทั่วไปแล้ว นพ.วัฒนา บอกว่า รพร.ท่าบ่อมีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการทางศัลยกรรมหรือการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดด้วยกล่องวีดิทัศน์ ซึ่งมีการผ่าตัดนิ่วถุงน้ำดีมากที่สุดในประเทศไทย เมื่อปี 2537 ผ่าตัดจำนวน 10,000 ราย และเฉลี่ยผ่าตัด 800-900 รายต่อปี รวมถึง การผ่าตัดลำไส้ ต่อมไทรอยด์ ไส้เลื่อน การรักษามะเร็งท่อน้ำดีด้วยกล้องด้วยการใส่ท่อระบายเพราะผู้ป่วยจะมีท่อน้ำดีตัน และการผ่าตัดกระดูกและสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผ่าตัดข้อเข่า ข้อสะโพก อีกทั้ง มีแพทย์เฉพาะทางด้านกีฬา ที่จะรักษาและซ่อมเอ็นในข้อเข่า ข้อไหล่สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุ

          ขณะนี้รพร.ท่าบ่อไม่ได้ให้บริการเฉพาะประชาชนในพื้นที่อ.ท่าบ่อที่มีประมาณ 82,000 คนเท่านั้น แต่ยังมีคนไข้จากอำเภอ ได้แก่ สังคม โพธิ์ตาก ศรีเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.อุดรธานี สกลนคร นครพนม และเลย เดินทางมารับการรักษาด้วย ที่สำคัญ มีประชาชนจากสปป.ลาวข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาใช้บริการด้วย เป็นผู้ป่วยนอกราว 10,000 หมื่นรายต่อปี และผู้ป่วยใน 1,000 รายต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการรักษาผ่าตัดนิ่วไต นิ่วถุงน้ำดี ท่อน้ำดี มะเร็งตับและผ่าตัดมดลูก

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

          “แสดงให้เห็นว่ารพร.เป็นที่พึ่งของประชาชน ทำให้คนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านได้มีรพ.ที่มีคุณภาพไว้ให้บริการ ได้รับการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ช่วยร่นระยะทางและระยะเวลาในการเดินทางไปยังโรงพยาบาลของประชาชนได้อย่างมาก เพราะอ.ท่าบ่ออยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคาย 41 กิโลเมตร” นพ.วัฒนากล่าว  

          เฉกเช่นเดียวกับ รพร.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2534 และพระราชทานนามอาคารว่า “อาคารอนุราชประชารักษ์”

          พญ.ภัททิรา ทางรัตนสุวรรณ ผอ.รพร.สายบุรี  บอกว่า  อ.สายบุรีอยู่ห่างจากจ.ปัตตานี 55 กิโลเมตร ในอดีตการที่ประชาชนจะเดินทางไปรับบริการในตัวจังหวัดค่อนข้างลำบาก รพร.สายบุรีจึงจัดตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบดูและประชาชนครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล ส่งเสริมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพร่างกาย ในอำเภอสายบุรี ประมาณ 70,000 คน และเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ดูแลประชาชนในอำเภอใกล้เคียง คือ อ.ไม้แก่น ปะนาเระ มายอ และกะพ้อ รวมประชากรราว 2 แสนคน  มีแพทย์เฉพาะทางให้บริการใน  3 สาขาหลัก ได้แก่ อายุรกรรม สูตินรี และวิสัญญี โดยระยะแรกเริ่มเป็นรพ.ขนาด 30 เตียง ปัจจุบันขนาด 90 เตียง 

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

          ลักษณะโรคที่ประชาชนมารับบริการตรวจรักษามากที่สุดในส่วนของผู้ป่วยใน จะเป็นการคลอดทั้งคลอดปกติและผ่าคลอด ซึ่งมีการส่งต่อมาจากโรงพยาบาลในอำเภอใกล้เคียงด้วย  โรคหัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง โดยมีอัตราการครองเตียงเกิน 100 %  บางวันมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ 115-120 เตียง ส่วนผู้ป่วยนอกจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคกล้ามเนื้อ อุจจาระร่วงและฟันผุทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีผู้มาใช้บริการเฉลี่ย 450 คนต่อวัน  และมีโรคที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล เช่น ไข้เลือดออก เฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2559 มีผู้ป่วย 10 ราย 

          “รพร.จะได้รับการกำหนดให้จัดตั้งขึ้นในถิ่นทุรกันดารและเสี่ยงภัย การมีรพร.สายบุรี ช่วยให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสอยู่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการให้บริการการรักษาพยาบาลและป้องกันโรคได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีและเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่” พญ.ภัททิรา กล่าว 

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10

          พญ.ภัททิรา กล่าวว่า สำหรับในอนาคตรพร.สายบุรีจะมีการพัฒนาเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลมากขึ้น โดยจะให้มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลักครบทุกสาขา เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในอ.สายบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เกิดความสะดวกขึ้นไม่ต้องเดินทางไกลไปรับบริการถึงจ.ปัตตานี หรือยะลา และนราธิวาส 

          การดำเนินงานของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สมดังความมุ่งปรารถนาที่ต้องการให้ประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่ในการรักษาพยาบาลทั่วถึงเสมอกัน

รพ.สมเด็จพระยุพราช ของขวัญปวงไทยแด่ในหลวงร.10