ปลดล็อคออกใบอนุญาตฯสอนชั่วคราวผู้ไม่จบครูมาเป็นครูอาชีว
ส฿ฏครุสภาปลดล็อคออกใบอนุญาตประกอบการสอนชั่วคราวผู้ไม่จบครู เพิ่มครูอาชีวะ แต่งตั้ง “ดร.พิษณุ” ปฎิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้า ยกคดีเก่าองค์การค้าให้ดีเอสไอดูแล
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการครุสภาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ออกใบอนุญาตประกอบการสอนชั่วคราวสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ แต่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น ผู้ที่จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ให้เข้ามาสอนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ขาดแคลนครูสายวิชาชีพประมาณ18,000คน ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการสถาบันการศึกษาจะต้องเป็นผู้คัดเลือก และรับรองคุณสมบัติความเชี่ยวชาญ ความรู้ความสามารถในเบื้องต้นจากนั้น มาเสนอรายชื่อให้ครุสภาพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบการสอนชั่วคราวต่อไปส่วนการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้แก่กลุ่มคนเหล่านี้นั้น ครุสภามีช่องทางการปลดล็อคในส่วนนี้ให้อยู่แล้ว เช่น การเรียนในหลักสูตรประกาศนียบัณฑิต (ป.บัณฑิต) หรือ การอบรมวิชาชีพครู เป็นต้น ซึ่งครุสภาจะต้องไปหาแนวทางให้เหมาะสมต่อไป
รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อไปว่า ส่วนการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)ที่ประชุมสกสค.มีมติโอนคดี กรณีอดีตผู้บริหาร สกสค. นำเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ของกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) 2,500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญา กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ไม่โปร่งใส และกรณีทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้ดำเนินการ เพราะเรื่องนี้มีความซับซ้อนและสังคมกำลังจับตามอง จึงเชื่อว่าหากดีเอสไอเข้ามาช่วยจะทำให้การแก้ปัญหาเรื่องนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ พล.ท. โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ ดูแลการแก้ปัญหาองค์การค้าฯ และสกสค.ด้วย
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้ง ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดศธ. เป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของสกสค.อีกตำแหน่ง หลังจากที่ ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ได้ลาออกจากการเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าฯ เมื่อวันที่15ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อให้การทำงานไม่เกิดสุญญากาศ สำหรับประเด็นการจ่ายเงินให้แก่อดีตพนักงานองค์การค้าฯ กลุ่มเกษียณอายุราชการที่ค้างจ่าย821ราย เป็นจำนวนเงิน1,200ล้านบาทตามคำสั่งศาลฎีกาให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เรื่องการขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ ขณะนี้องค์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอน และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาแหล่งเงินกู้ เพราะต้องเข้าใจว่าองค์การค้าฯ มีภาระหนี้สินจำนวนมาก และมีความเสี่ยงสูง ทำให้สถาบันการเงินกังวลที่จะปล่อยเงินกู้ให้ แต่ยืนยันจะจ่ายเงินค้างจ่ายให้แก่อดีตพนักงานองค์การค้าฯ ทุกคนอย่างแน่นอน เพราะถ้าหากองค์การค้าฯ ประวิงเวลาไม่จ่ายเงิน ทำให้องค์การค้าฯเสียดอกเบี้ยตามคำสั่งศาลฎีกา