นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์การจ้างงานในตลาดแรงงาน เดือนตุลาคม 2560 ว่า อัตราการจางงานในระบบประกันสังคม มีผูประกันตน (มาตรา 33) จํานวนทั้งสิ้น 10,695,748 คน เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม ปี 2559 พบว่ามีอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 2.45 สำหรับอัตราการวางงานอยูที่รอยละ 1.3 เมื่อวิเคราะห์ประมาณการว่างงานเดือนพฤศจิกายน 2560 จะลดลงเหลือรอยละ 0.8 ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้เปิดช่องทางให้นักศึกษาจบใหม่หรือผู้ที่กำลังหางานทำ เข้าใช้บริการหางานทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านทาง Mobile Application “Smart Job Center” ซึ่งผู้สมัครงานและนายจ้างสามารถส่งข้อความโต้ตอบหากัน เพื่อนัดสัมภาษณ์งานได้ด้วยตนเอง อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัครงานและนายจ้าง ที่ทำให้การหาคนและหางานรวดเร็วยิ่งขึ้น
ส่วนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ (ต.ค.59 – 60) มีจำนวนทั้งสิ้น 114,984คน แบ่งเป็น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ ประเทศอิสราเอล, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, กาตาร์ และบาห์เรน จำนวน 16,540 คน กลุ่มประเทศแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้, แอลจีเรีย, มาดากัสการ์, ซูดาน และโมซัมบิก จำนวน 3,511 คน กลุ่มประเทศเอเชีย ได้แก่ ไต้หวัน, สาธารณรัฐเกาหลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และสิงคโปร์ จำนวน 80,186 คน กลุ่มประเทศอเมริกาและอื่นๆ จำนวน ๔,๐๑๔ คน แรงงานมีรายได้ส่งกลับผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 125,731 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะบูรณาการร่วมกับองค์กรเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แต่ละจังหวัด รวมถึงการประสานความร่วมมือกับผู้นำชุมชน ในการสำรวจความต้องการด้านอาชีพ เพื่อดำเนินการฝึกทักษะอาชีพแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้ตรงกับความต้องการ และมีกำหนด Kick-Off พร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 14 ธันวาคม ๒๕๖๐ เป้าหมาย ๖๑,๘๔๐ คน ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังดำเนินกิจกรรมสร้าง “ช่างชุมชน” จิปาถะ ต่อยอดโครงการสานสร้างศูนย์ช่างประจำชุมชน เทิดไท้องค์ราชัน ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางให้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คนในชุมชนที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
“ส่วนนโยบายด้านคุ้มครองแรงงานในปีงบประมาณ 2561กระทรวงแรงงานจะขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยในการทำงานตามนโยบาย Safety Thailand ซึ่งจะเน้นย้ำเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การสร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัย เพื่อให้เกิดมาตรการเชิงป้องกัน สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายผ่านกลไกประชารัฐ รวมทั้งการขับเคลื่อนความปลอดภัยในการทำงานสู่แรงงานนอกระบบ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เน้นการทำงานเชิงรุก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานบังคับ รวมไปถึงการส่งเสริมการจัดสวัสดิการแบบยืดหยุ่น ผลักดันให้สถานประกอบกิจการจัดทำ GLP TLS การพัฒนา e - service และการบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มยิ่งขึ้น นำสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทำงาน”นางเพชรรัตน์ฯ กล่าว