ไลฟ์สไตล์

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

17 ก.ย. 2562

โดย... -ปาริชาติ บุญเอก [email protected] -

 

 

 

          จากการสำรวจ 40 ประเทศทั่วโลก พบว่า กว่า 55% คิดว่าข่าวปลอมเป็นสิ่งที่แยกยาก ขณะที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ยังคงแชร์ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง โดยกลุ่มตัวอย่างอายุ 18-29 ปี แชร์ข่าวปลอม 31% และอายุ 50 ปีขึ้นไป มีการแชร์ข่าวปลอม 27% การตรวจสอบข่าวปลอมของสำนักข่าวเอพี มีทั้งใช้วิธีโทรกลับไปสอบถามแหล่งข่าว รวมถึงใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบภาพ วิดีโอ ดูการตัดต่อ ซึ่งขณะนี้ข่าวปลอมที่กำลังมาแรงคือเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากกำลังมีการเลือกตั้งในปี 2563

 

 

          เมื่อวันที่ 16 กันยายน  ไลน์ร่วมกับสำนักข่าวเอพี และสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดเวิร์กช็อป STOP “FAKE NEWS” ข่าวจริงหรือข่าวปลอม คิดก่อนกด ให้ความรู้และความเข้าใจแก่นิสิตนักศึกษาและเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ศึกษาในด้านการสื่อสารมวลชน ถึงผลกระทบของปัญหาข่าวปลอมที่เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท ชั้น 19 ตึกเกษรทาวเวอร์ และที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าขอนแก่น วันที่ 19 กันยายน  โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 400 คน

 

 

 

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

กนกพร ประสิทธิ์ผล

 


          กนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาสื่อใหม่ ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ข่าวปลอมแบ่งได้ 7 ประเภท คือ 1.Satire or Parody เสียดสีหรือตลก 2.False Connection โยงมั่ว 3.Misleading ทำให้เข้าใจผิด 4.False Context ผิดที่ผิดทาง นำภาพไม่เกี่ยวข้องมาสร้างข่าวต่อ 5.Impostor โกหกที่มาของข้อมูล 6.Manipulated ตัดต่อภาพ เสียง คลิปวิดีโอ และ 7.Fabricated กุข่าวปลอม สวมรอยเป็นสำนักข่าว


          ข่าวปลอมสร้างโดยคน 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเกรียนนักเลงคีย์บอร์ด โพสต์ข้อความเพื่อความสนุกส่วนตัว 2.กลุ่มหวังเงินค่าโฆษณา โพสต์สร้างกระแสหวังยอดฟอลโลว์ (ติดตาม) 3.กลุ่มสร้างความเกลียดชังจะโพสต์ข้อความ หรือเฮทสปีช ดูหมิ่น ยุยง ปลุกปั่น 4.กลุ่มหลอกลวง สร้างข้อมมูลเท็จ หลอกขายสินค้า หรือฉ้อโกง

 

 

 

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

 


          วิธีเช็กข้อมูลเพื่อให้รู้เท่าทันข่าวปลอมมี 6 ข้อสำคัญ ได้แก่ 1.ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสารข้อมูล เช่น สำนักข่าว หน่วยงาน หรือชื่อผู้ให้ข้อมูล 2.มีเว็บไซต์อื่น หรือแหล่งข่าวอื่นเผยแพร่หรือไม่ 3.ภาพเก่า เล่าใหม่ หรือไม่ เช็กภาพประกอบ TINEYE หรือ Google Reverse Image Search 4.เช็กความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือเพจ เช่น Brand Name, URL, Logo/Verified, ADS, Font, Spelling หรือคำผิด และ Click Bait 5.ลักษณะเนื้อข่าวที่ต้องสังเกต ข่าวไม่จริงมักเล่นกับความเชื่อ เหตุการณ์รุนแรง ข่าวร้าย เลือกข้าง สร้างความเกลียดชัง และคนดังมีชื่อเสียง และ 6.ไม่นิ่งนอนใจ รายงานเมื่อเจอข่าวปลอม รีบช่วยเตือน หรือรายงานไปยังผู้เกี่ยวข้อง

 

 

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

 




          ขณะนี้บริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่พยายามลดปัญหาดังกล่าว โดย “เฟซบุ๊ก” ลดการแสดงผลเนื้อหาบนนิวส์ฟีด ด้านสุขภาพ การรักษาโรคที่เกินจริง รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ อาทิ ปุ่มแจ้งเตือนข่าวปลอมเพื่อเตือนผู้ใช้เฟซบุ๊กด้วยกันเอง และปุ่ม About this article ตรวจสอบแหล่งข่าวก่อนแชร์


          “ยูทูบ” เตรียมปรับลดการแนะนำวิดีโอที่เข้าข่ายในกลุ่มของ Borderline หรือเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่างๆ “กูเกิล” เพิ่มมาตรการคัดกรองข่าวปลอมและข้อมูลที่บิดเบือนความจริงบนอินเทอร์เน็ต หลังเกิดปัญหาการแพร่ขยายอย่างรวดเร็วของข่าวปลอมในปัจจุบัน และ “ไลน์” ให้ความรู้แก่เยาวชนและตั้งหน่วยงานตรวจสอบข่าวปลอม รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มในการช่วยกรอง ตรวจจับ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานของสภาบริหารและตอบข้อกังขาของประชาชนได้

 

 

 

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

 


          “อังกฤษ” ประกาศหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่อง Internet Safety ชั้นประถมและมัธยม เริ่มปี 2563 เพื่อเสริมทักษะแก่เด็ก เยาวชน รู้เท่าทันข่าวลวงและข่าวปลอม “สิงคโปร์” มีกฎหมายป้องกันการแพร่กระจายของข่าว เปิดให้ทางการสามารถสอดส่องแพลตฟอร์มออนไลน์ แชทส่วนตัวของประชาชนได้


          “เยอรมนี” ควบคุมเนื้อหาเฮทสปีช ให้ลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายใน 24 ชั่วโมง ฝ่าฝืนโทษปรับสูง 50 ล้านยูโร และ “ไทย” ตั้งศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เน้นสื่อสารข่าวการเตือนภัยพิบัติและข่าวลวงที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


          “เฟคนิวส์ไม่มีวันหมดไป เพราะแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว คนไทย 70-80% กระโดดเข้ามาสู่โลกอินเทอร์เน็ตทำให้การเติบโตของเฟคนิวส์มีมากขึ้น ทางที่ดีที่สุด คือการสร้างความรู้เท่าทันสื่อ โดยการทำงานร่วมกันของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กนกพร กล่าว

 

 

คิดก่อนแชร์รู้เท่าทัน เสพสื่อ ข่าวจริงหรือข่าวปลอม  

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

 


          พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ข่าวปลอมเป็นปัญหาที่กระทบทั้งด้านสังคมและความมั่นคง ทุกประเทศต้องการจะหาวิธีการป้องกัน วันนี้ทุกคนสามารถโพสต์หรือแชร์อะไรตามอารมณ์ชั่ววูบ และอาจกระทบต่อสังคมในวงกว้างได้ การตั้งศูนย์ข่าวปลอม เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ ความจริงแล้วคือปลายเหตุ สิ่งที่จะหยุดข่าวปลอมได้ คือผู้เสพต้องสามารถวิเคราะห์ได้และไม่แชร์


          ขณะที่ นัทธพงศ์ ศิริกุลชัยกิจ และ ศิริประภา เนื่องอาชา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาการสื่อสารดิจิทัล คณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งได้เข้าร่วมเวิร์กช็อป กล่าวว่า การรู้เท่าทันข่าวปลอมจะดีต่อตัวเราและคนอื่น หากเรารู้ว่าข่าวไหนปลอมก็ไม่ควรแชร์ต่อ ควรคิดก่อนแชร์ทุกครั้ง เพราะอาจจะเกิดผลกระทบตามมาได้