สิ่งที่สร้างความกดดันให้กับ‘หมิว-ลลิตา’คือ? (คลิป)
“หมิว” ลลิตา ปัญโญภาส นางเอกมากความสามารถ เผยถึงเส้นทางในการทำงานวงการมายา และความกดดันที่เกิดขึ้น
เมื่อถามถึงนางเอกแถวหน้าวงการบันเทิง ชื่อของ “หมิว” ลลิตา ต้องเป็นรายชื่ออันดับต้นๆ ที่หลายต่อหลายคนยกตำแหน่งนี้ให้ กว่า 30ปีที่นางเอกสาวโลดแล่นในวงการมายา บ่มเพาะฝีไม้ลายมือด้านการแสดง จนกลายเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท ด้านชีวิตครอบครัวของ “หมิว” ยังได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย หลังจากเจ้าตัวออกมายอมรับ ว่าได้ยุติความสัมพันธ์กับอดีตสามีเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุด "คมชัดลึก"ได้มีโอกาสพูดกับผู้หญิงคนนี้ ถึงเรื่องราวการทำงานและการใช้ชีวิตหลังจากนี้เจ้าตัวเปิดเผย
“เราก็รักในอาชีพนักแสดง แล้วก็รับผิดชอบเท่าที่เราทำได้ ให้ดีที่สุดตามมาตรฐานที่เราทำมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คงความมีวินัย รับผิดชอบในบทเท่าที่เราจะทำได้ ทำหน้าที่ของนักแสดงให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง นอกนั้นไม่มีอะไร คำว่าไอดอลนี่ ยิ่งรู้สึกยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่เลย พลาดไม่ได้เลยนะ ถ้าเป็นต้นแบบของอะไร ก็ต้องพยายามทำให้เป็นมาตรฐานให้ดีที่สุด ตอนนี้น้องๆ ทุกคนก็ถือว่าเก่งกาจ ถ้าเขาชื่นชอบเรา ก็ถือว่าให้เกียรติแล้วกันนะ แต่น้องๆ ทุกคนพอถึงวันของตัวเองก็แสดงฝีมือ ต้องพัฒนาฝีมือตามระยะเวลาของการทำงาน บางทีการทำงานของเราอาจจะน้อยกว่าเขาด้วย เพราะบางคนปีหนึ่งรับตั้งหลายเรื่อง แต่เรา 2 ปีรับหนึ่งเรื่อง ก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่ เราก็ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรขนาดนั้นหรอก” หมิวกล่าว
นอกจากนี้ถามถึงงานเบื้องหลัง นางเอกสาวเผยว่า “ส่วนเบื้องหลัง ยังไม่อยากทำ เพราะไม่มีความสามารถไง(หัวเราะ) คนเป็นผู้จัดเขาต้องเก่ง เราไม่มีศักยภาพขนาดนั้น ชอบเป็นนักแสดง อันนั้นมันรับผิดชอบเยอะ รู้สึกว่าไม่สามารถที่จะทำงานใหญ่ขนาดนั้นได้ เพราะการเป็นผู้จัด มันใหญ่มาก และเรื่องเยอะเกิน รายละเอียดเยอะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนถามว่าไม่ลองเหรอ แต่เราก็บอกว่ายัง ขอเป็นนักแสดงไป เรารักสบาย(ยิ้ม)”
ถามว่ากับข่าวคราวที่ผ่านมา รู้สึกอย่างไรบ้าง เจ้าตัวแจกแจงว่า “กลัวนะเรื่องข่าวแต่ปรากฏว่าทุกๆ คนน่ารัก น้ำตาฉันจะไหล แบบว่าไม่ทำให้เราอึดอัด เราก็เลยซาบซึ้ง ตอนแรกกดดันตัวเองมากเลย เพราะพูดอะไรก็ไม่ได้มาก เลยรู้สึกว่าวันนี้ทุกคนน่ารักมาก นี่คือสิ่งที่ดี คือพลังดีๆ ของการใช้ชีวิตจริงๆ มันคือพลังบวก แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
เราก็เป็นคนธรรมดามาก อาจจะเป็นแม่ของลูก ต้องไปไหนมาไหนกับลูกเหมือนคนทั่วไป ลูกจะไปดูหนัง จะไปไหน เราก็ต้องใช้ชีวิตปกติที่สุดเพราะลูก เราคิดว่าเราเป็นแม่ของลูก เวลามากองเราเป็นนักแสดง แต่เวลาที่เหลือเป็นแม่ของลูกมากกว่า เป็นแม่ที่ลูกเรียกให้ไปด้วย ดีกว่าไม่ไป ไปก็ไปส่งแล้วก็ไปรับ แต่เดี๋ยวนี้เขาเริ่มติดเพื่อนแล้ว แต่คนเล็ก ก็ยังให้พื้นที่เรา ชอบให้เราไปรับไปส่งที่โรงเรียน ยังชอบคุยกันในรถ มันยังมีโมเมนท์ตรงนั้น ซึ่งเราว่ามันดีมากๆ เลย และเขาก็เริ่มที่จะมีคนคุยของเขาอีกคนหนึ่ง บางทีเราก็เข้าไปคุยด้วยกัน 3 คนเลย ดีๆ ก็สนุกดีเหมือนกัน”
ถามว่า หลังจากนี้ ใช้ชีวิตอย่างไรนั้น หมิวกล่าวว่า “ก็อยู่กับปัจจุบันนะ อะไรก็แล้วแต่ถ้าเลือกแล้ว ก็อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็ดูแลคนใกล้ชิด ตอนนี้ก็ดูแลแม่และลูกทั้ง 2 ก็มีความสุขเวลาได้อยู่กับคนที่เรารัก ในวันที่ทุกข์ ก็อยู่กับปัจจุบัน เพราะมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ก็อยู่กับวันนี้ให้โอกาสตัวเอง กับสิ่งที่จะทำในอนาคต มันยังมีเวลาที่เหลืออีกตั้งเยอะแยะ ธรรมะก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งก็ได้ เพราะมันอยู่ในชีวิตเราอยู่แล้ว บางทีไม่ได้ไปวัด แต่ดูรายการ อ่านหนังสือมันก็ได้ข้อคิดจากรอบตัวเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ” หมิวกล่าวปิดท้าย