'พัดพัด' รับมือลั่น ขอโทษตัดพ้อ 'ก้อง' ในไอจี
“พัดพัด” รัตน์ฟ้า ไชยชื่นจิต ขอโทษหลังมือลั่นโพสต์ข้อความตัดพ้อ “ก้อง” กรุณ ซอโสตถิกุล ออกสื่อ
ก่อนหน้านี้เคยโพสต์แคปชั่นตัดพ้อลงในอินสตาแกรมเข้าไปในรูปที่เป็นโปรดั๊กสินค้า งานนี้หลายคนก็เลยสงสัยว่า “พัดพัด” รัตน์ฟ้า เกิดมือลั่นเอาข้อความตัดพ้อหนุ่มคนสนิท “ก้อง” กรุณ โพสต์ลงในรูป ล่าสุดเจอสาวพัดพัดในงาน โกลบอลปาร์ตี้ “Fly Beyond Tonight” จึงถามถึงเรื่องนี้
สรุปข้อความอันนั้น คือมือลั่นหรือยังไง
“ก็ลั่น (หัวเราะ) ยอมรับแล้ว ขออนุญาตขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวโปรดั๊กสินค้าด้วย"
อารมร์ปรี๊ดถึงขั้นนั้นเลย
"ไม่ได้ปรี๊ดถึงขั้นนั้น คนเราอยู่ด้วยกัน คุยกันสนิทกัน จริงๆ ข้อความนี้มันควรจะอยู่กันแค่สองคน มันเป็นความผิดของหนูเอง ที่สับเพร่า ไม่ได้ดูให้ดีก่อนแล้ววันนั้นค่อนข้างดึกแล้วเหมือนกัน ทำงานตั้งแต่เช้า ก็เบลอๆ ไม่ได้ดู สุดท้ายก็เพิ่งมารู้ทีหลัง คือข้อความที่พิมพ์ไปเราพิมพ์ในโปรแกรม แต่ตอนที่ลงเราไปตอนนั้นเราไม่มีสติเฉยๆ"
ข้อความนั้นส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์กับ "ก้อง" ไหม
"ความสัมพันธ์กับพี่ก้อง ก็ไม่ได้มีอะไร เขาเองก็เข้าใจ ก็ดีใจที่เขาก็เข้าใจเรา (หัวเราะ) เรื่องการงอนกันก็มีบ้างเล็กน้อยอยู่แล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว คุยกันตั้งแต่วันที่รู้เรื่อง ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนที่ลงไปตอนนั้นตัวเราก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ได้บอกอะไรใครไว้เลย พอเป็นข่าวขึ้นมาก็คุยกัน”
เกิดอะไรขึ้น ถึงได้งอนกันขนาดที่พิมพ์ข้อความนั้น
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้น อาจจะมีแค่ว่าเวลาไม่ตรงกัน ไม่เข้าใจ ซึ่งพอข้อความออกไปพี่ก้องเองเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร คือจริงๆ ด้วยความที่พัดอยู่ปี 4 แล้ว เรียนจะจบแล้ว เลยอยากจะโฟกัสเรื่องเรียน และให้เวลากับเรื่องเรียนด้วย จริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเรียนหรอก แต่เป็นเรื่องของคนที่อยู่ด้วยกัน ก็มีปากมีเสียงกันนิดหน่อย
สถานะตอนนี้ยังเหมือนเดิมไหม
"ก็ยังเหมือนเดิม ก็คุยกัน เขาก็ยังเป็นคนที่สนิทอยู่ ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆ แล้ว อย่างเพื่อนๆ ก็จะขำกัน เพราะโดยปกติ พัดเป็นคนที่รอบคอบมาก เป็นคนที่ไม่ค่อยมีดราม่าอะไรในไอจีเลย เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกคนก็เลยจะขำๆ ทุกคนก็จะบอกว่าโอเคๆ คราวหน้าก็ดูให้ดีๆ ด้วย ต่อไปก็ต้องละเอียดมากขึ้น และก็ต้องมีสติด้วยทุกครั้ง ถือเป็นประสบการณ์ที่สอนเราว่าในอนาคตจะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”