
ชาวฝรั่งเศส-ทั่วโลกไว้อาลัยเหยื่อยิงถล่มในปารีส
08 ม.ค. 2558
ชาวฝรั่งเศส-ทั่วโลก ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 12 ราย จากเหตุคนร้ายโจมตี สนพ.ชาร์ลี เอบโด
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ชาวฝรั่งเศสมากกว่า 1 แสน 5 หมื่นคน ได้รวมตัวกันทั่วประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 12 ราย จากเหตุคนร้ายโจมตีสำนักพิมพ์ ชาร์ลี เอบโด เมื่อวานนี้
มีประชาชนหลายพันคนไปรวมตัวกันที่จตุรัส รีพับลิ๊ก ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตหลายคนถือปากกาเพื่อแสดงความเคารพต่อเหล่านักเขียนการ์ตูนที่เสียชีวิต และกระดาษมีข้อความว่า "เฌอ ซุยส์ ชาร์ลี" หรือ ฉันคือชาร์ลี ขณะที่บางคนได้ชูป้ายข้อความระบุว่า "Not Afraid" หรือ "ฉันไม่กลัว"
ขณะที่หลายประเทศทั่วโลก ต่างได้ร่วมไว้อาลัยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสด้วยเช่นเดียวกัน อย่างในจัตุรัสทราฟัลจาร์ ในกรุงลอนดอน และภายนอกสถานทูตฝรั่งเศสภายในกรุงมาดริดของสเปน และกรุงโรมของอิตาลี ต่างก็มีผู้คนที่ถือโทรศัพท์ของตน และป้ายข้อความ ที่เขียนข้อความเดียวกันว่า "เฌอ ซุยส์ ชาร์ลี" หรือ ฉันคือชาร์ลี โดยนายกรัฐมนตรีอิตาลี มาติโอ้ เรนซี่ บอกว่า เขาคิดว่าชาวยุโรปต่างร้องไห้พร้อมกันในวันนี้
นอกจากนี้อีกหลายประเทศในแถบละตินอเมริกา มีคนออกมาร่วมไว้อาลัยด้วยเช่นกัน อย่างในนคร ริโอ เด จาเนโร ที่มีผู้คนมารวมตัวกันในจัตุรัสกลางเมือง พร้อมข้อความ "ฉันคือชาร์ลี" โดย 1 ในผู้จัดงานบอกว่า ทุกคนล้วนมีความเท่าเทียม ทุกคนคือมนุษย์ ฉันคือชาวฝรั่งเศส ฉันคือชาวบราซิล ฉันคือชาร์ลี และเราทุกคนคือชาร์ลี
เช่นเดียวกันที่ด้านหน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงบัวโนสไอเรส ของอาเจนติน่า ที่มีประชาขนออกมาถือแผ่นป้ายสนับสนุนการแสดงออกอย่างเสรี
คนร้ายบุกยิง‘ชาร์ลี เอบโด’มอบตัว1ราย
เหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายสวมหมวกคลุมหน้า แต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารสีดำ ใช้อาวุธปืนอาก้าและเครื่องยิงจรวด บุกโจมตีสำนักงานของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์แนวเสียดสี "ชาร์ลี เอบโด" ใกล้กับอนุสาวรีย์ "บาสตีย์" ในกรุงปารีส ของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน รวมทั้งบรรณาธิการ ก่อนจะขึ้นรถยนต์หลบหนีไป ได้กลายเป็นเหตุวินาศกรรมที่นองเลือดที่สุดของฝรั่งเศสในรอบครึ่งศตวรรษ
คนร้ายได้ตะโกนคำว่า "พระอัลเลาะห์ทรงยิ่งใหญ่" ขณะที่กราดยิง พวกเขายังอ้างด้วยว่าเกี่ยวกับอัล ไกดา ด้วยรูปแบบการโจมตีแบบทหาร ที่เกิดขึ้นเมื่อเที่ยงวันของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งสำนักพิมพ์แห่งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวมุสลิมและพวกที่มีแนวคิดสุดโต่งมายาวนาน ด้วยการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดามูฮัมหมัด ทั้งยังเคยถูกขว้างด้วยระเบิดเพลิง เมื่อปี 2554
นอกจากศาสนาอิสลามแล้ว สำนักพิมพ์แห่งนี้ ก็ยังเสียดสีศาสนาอื่นและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคนด้วย ตำรวจได้ระบุตัวคนร้ายแล้ว 3 คน อายุ 18 ปี, 32 ปี และ 34 ปี และในจำนวนนี้ เป็นพี่น้องกัน 2 คน และในขณะที่ตำรวจวางกำลังออกไล่ล่าทั่วกรุงปารีส และขยายไปถึงเมืองแรงส์ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีรายงานว่า คนร้ายที่อายุน้อยที่สุดคือ 18 ปี ได้ยอมมอบตัวกับตำรวจแล้ว ตำรวจเปิดเผยชื่อเขาว่า ฮามิด มูรัด ซึ่งยอมมอบตัวเมื่อเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันพุธ หรือราว 05.00 น. ของวันนี้ ตามเวลาในไทยหลังจากชื่อของเขาถูกเผยแพร่ไปตามโซเชียล มีเดีย ซึ่งแหล่งข่าวในวงการตำรวจ บอกว่า เขาถูกควบคุมตัวไว้แล้ว
ตำรวจนายหนึ่ง เปิดเผยว่า คนร้ายกลุ่มนี้ เกี่ยวข้องกับเครือข่ายก่อการร้ายในเยเมน ตรงกับคำให้การของพยานหลายคน ที่บอกว่า หนึ่งในคนร้ายอ้างตัวว่า พวกเขาทำเพื่อกลุ่มอัล ไกดา ในเยเมน ทั้งอัล ไกดา และกลุ่ม IS ได้ขู่หลายครั้งว่าจะโจมตีฝรั่งเศส ที่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีกลุ่มนักรบญีฮัดทั้งในอิรักและแอฟริกา
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวว่า เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนอย่างเห็นได้ชัด และบอกด้วยว่า ทางการสามารถขัดขวางแผนการเหตุการณ์โจมตีอื่นๆ ในฝรั่งเศส ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาณความเครียดในฝรั่งเศสและที่อื่นๆ ในยุโรป กำลังทวีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกรงว่า พวกญีฮัดที่เดินกลับมาจากสมรภูมิในซีเรียและอิรัก จะกลับมาก่อเหตุในประเทศบ้านเกิด
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวว่า เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนอย่างเห็นได้ชัด และบอกด้วยว่า ทางการสามารถขัดขวางแผนการเหตุการณ์โจมตีอื่นๆ ในฝรั่งเศส ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาณความเครียดในฝรั่งเศสและที่อื่นๆ ในยุโรป กำลังทวีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกรงว่า พวกญีฮัดที่เดินกลับมาจากสมรภูมิในซีเรียและอิรัก จะกลับมาก่อเหตุในประเทศบ้านเกิด
ประธานาธิบดีออลลองด์ ซึ่งอยู่ในอารมณ์โศกเศร้า ได้ประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์เมื่อวันพุธว่า จะตามล่าคนร้าย และให้คำมั่นกับเพื่อนร่วมชาติว่าจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในช่วงเวลาแห่งความไม่มั่นคงและพะวงสงสัย โดยบอกว่า เรามาผนึกกำลังกัน เราจะชนะและ "ฝรั่งเศสจงเจริญ" (Vive la France!)
หลังเกิดเหตุ ฝรั่งเศสได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดยเฉพาะสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา, สำนักงานสื่อสารมวลชนและการขนส่ง โรงเรียนทั่วกรุงปารีสปิดการเรียนการสอน แต่ก็ยังมีประชาชนหลายพันคนไปรวมตัวกันที่จตุรัส รีพับลิ๊ก ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต หลายคนถือปากกาเพื่อแสดงความเคารพต่อเหล่านักเขียนการ์ตูนที่เสียชีวิต และกระดาษมีข้อความว่า "เฌอ ซุยส์ ชาร์ลี" หรือ ฉันคือชาร์ลี แบบเดียวกับผู้ชุมนุมในย่านจตุรัสทราฟัลการ์ในกรุงลอนดอน, กรุงมาดริดของสเปน, กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี และกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม
ขณะนี้ ยังไม่มีการจับกุมหรือผู้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายฟรังซัวส์ เมอแรงส์ อัยการกรุงปารีส ระบุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน ในจำนวนนี้ อาการสาหัส 4 คน โดยเหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ กลุ่มคนร้าย ได้บังคับให้นักเขียนการ์ตูนหญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งเดินทางไปถึงสำนักงานพร้อมกับลูกสาว เปิดประตูที่ต้องเข้ารหัสรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นช่วงที่กองบรรณาธิการกำลังอยู่ระหว่างการประชุม และกลุ่มคนร้ายได้พุ่งเป้าไปที่ตัวบรรณาธิการ คือ สเตฟาน ชาบงนิเยร์ เจ้าของนามปากกาว่า "ชาร์บ" และสังหารเขา พร้อมกับตำรวจที่ทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้เขาอีก 1 นาย
อีกไม่กี่นาทีต่อมา คนร้าย 2 คน ได้ออกมาจากรถยนต์สีดำที่จอดรออยู่เบื้องล่าง และกราดยิงใส่ตำรวจนายหนึ่งอย่างเลือดเย็น ภาพจากคลิปวิดีโอและจากปากคำของชายคนหนึ่ง ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความหวาดกลัวจากบ้านของเขาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน พบว่า คนร้ายคนหนึ่งได้ยิงศีรษะของตำรวจที่นอนอยู่บนพื้น ชายที่เห็นเหตุการณ์บอกด้วยว่า คนร้ายปฏิบัติการอย่างมีแบบแผนจนเขาเข้าใจผิดในตอนแรกว่า เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของฝรั่งเศส จนกระทั่งพวกเขายิงตำรวจ ชื่อว่า พวกเขาต้องผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชอง และรู้ดีไปเสียหมดว่าจะทำอะไรก่อน อะไรหลัง
บรรณาธิการ, ผู้สื่อข่าว 8 คน, แขกของสำนักพิมพ์ และตำรวจ 2 นาย ตกเป็นเหยื่อกระสุนในครั้งนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ รวมทั้งนายแบร์กนารด์ มารีส์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ที่วิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจทางสถานีวิทยุของฝรั่งเศสอย่างสม่ำเสมอ และนักเขียนการ์ตูนชื่อดังอีก 3 คน เจ้ของนามปากกาเซบู, โวลินสกี้ และทีนูส์
หลังก่อเหตุ หนึ่งในคนร้าย ได้ร้องตะโกนเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า เราแก้แค้นให้พระศาสดามูฮัมหมัด เราฆ่า ชาร์ลี เอบโด ส่วนนักเขียนการ์ตูนหญิง ที่เปิดเผยชื่อว่า โคฮีน เฮย์ กล่าวว่า เธอถูกคนร้ายบังคับให้เปิดประตูสำนักงาน และคนร้ายพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และอ้างตัวว่าเป็นอัล ไกดา ส่วนขณะเกิดเหตุที่นานประมาณ 5 นาที เธอรอดมาได้เพราะหลบอยู่ใต้โต๊ะ
ภาพในคลิปวิดีโอ แสดงให้เห็นคนร้าย เคลื่อนไหวอย่างใจเย็น และมีคนหนึ่งก้มลงเก็บรองเท้าสีดำที่ตกลงมา โยนเข้าไปในรถยนต์สีดำ ก่อนจะขับออกไป ต่อมาพบรถยนต์คันนี้ถูกจอดทิ้งไว้ที่ทางเหนือของกรุงปารีส และอัยการระบุว่า รถยนต์คันนี้ ซึ่งเป็นยี่ห้อเรโนลต์ คลีโอ ถูกคนร้ายจี้มาก่อเหตุ
นายแพทย์ เจอร์รัลด์ เคียร์เซ็ค ซึ่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า คนร้ายได้แยกผู้หญิงกับผู้ชายออกจากกัน ก่อนจะยิง และไม่ได้ยิงสุ่มแต่เป็นการจงใจยิงแบบประหารชีวิต เพราะมีการเรียกชื่อเหยื่อก่อนยิงด้วย ขณะที่ตำรวจบอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ว่า คนร้ายลงมือกันเองโดยลำพัง เพราะดูจากการใช้อาวุธ การปกปิดตัวตนและร่องรอย รวมถึงการวางแผนหลบหนีที่แยบคาย ได้แสดงให้เห็นว่า ปฏิบัติการของพวกเขา แตกต่างจากการโจมตีของพวก "โลน วูล์ฟ" หรือ พวกลงมือโดยลำพัง และรูปแบบการก่อการร้ายอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐได้รับแจ้งชื่อคนร้ายไปแล้ว และกำลังตรวจสอบฐานข้อมูล ฝรั่งเศสประกาศให้วันนี้เป็นวันไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต พร้อมลดธงลงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน
ผู้นำฝรั่งเศสกำหนดไว้อาลัยทั่วประเทศวันนี้
วันพฤหัสบดีนี้เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศแก่ผู้เสียชีวิต 12 คนในเหตุการณ์กลุ่มมือปืนยิงถล่มสำนักงานหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์เชิงล้อเลียนเสียดสี ชาร์ลี เอบโด เมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 50 ปีที่มีการประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ นอกจากนี้มีการลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยด้วย
นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า เอกภาพเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเรา ไม่มีอะไรสามารถแบ่งแยกเราได้ เสรีภาพจะเข้มแข็งกว่าความป่าเถื่อน เขายังกล่าวชื่นชมความกล้าหาญของชาร์ลี เอบโดด้วย
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เคยตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดาของศาสนาอิสลามจนเกิดกระแสโกรธแค้นไปทั่้วโลก
ขณะที่ผู้นำทั่วโลกต่างร่วมประนามเหตุโจมตีสำนักพิมพ์ โดยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ขี้ขลาด พร้อมกับเสนอให้ความช่วยเหลือฝรั่งเศสในการตามล่าคนร้าย
นอกจากนี้ทั้งนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีและนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ประสานเสียงเช่นเดียวกับผู้นำหลายคนทั่วโลก ประนามเหตุการณ์โจมตีหนังสือพิมพ์ แมร์เคิลบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีต่อค่านิยมที่เรายึดถือ ทั้งในด้านค่านิยมเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อ เสรีภาพทั่วไป และเกียรติศักดิ์ศรีของบุคคล
หลายประเทศยกระดับการรักษาความปลอดภัย
กรุงปารีสของฝรั่งเศส กลายเป็นเมืองที่ถูกปิดล็อก หลังเกิดเหตุวินาศกรรมโจมตีสำนักพิมพ์ของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์แนวเสียดสี "ชาร์ลี เอบโบ" เมื่อวันพุธ จนมีผู้เสียชีวิต 12 คน โดยปัจจุบัน ได้มีการวางกำลังทหารประจำการตามสถานีรถไฟ, วางกำลังตำรวจนอกอาคารที่ทำการสื่อต่างๆ และวางกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มงวดในระดับสูงสุดตามห้างสรรพสินค้า
เหตุการณ์โจมตีสำนักงานของชาร์ลี เอบโบ ใจกลางกรุงปารีส ที่โหดร้ายและเลือดเย็นโดยคนร้ายที่ใช้อาวุธหนัก ได้สร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวในเมืองหลวงแห่งนี้ ตั้งแต่วันแรกของเทศกาลลดราคาสินค้าช่วงฤดูหนาว โดยที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง กาเลอรี่ ลาฟาแยตต์ ต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้จัดการร้าน ได้กำชับว่า คนร้ายยังคงหลบหนี และถ้าพบว่าพวกเขามีอาวุธ อย่าต่อสู้และให้ซ่อนตัว เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้า "แพรงตองป์" ที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
รัฐบาลได้ยกระดับการเตือนภัยในระดับสูงสุดโดยทันที หลังเกิดเหตุ และประจำการตำรวจติดอาวุธราว 500 นาย ทั่วเมืองหลวง โดยระบุว่า อยู่ในขั้นตอนของการเสริมการรักษาความปลอดภัยทุกอย่าง
ปกติในช่วงนี้จะตามห้างสรรพสินค้า จะเต็มไปด้วยนักล่าสินค้าลดราคา แต่พอเกิดเหตุเมื่อวันพุธ พบว่า ห้างสรรพสินค้าแทบจะร้างผู้คน พนักงานห้างฯ บอกว่า มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่าปกติ 4 เท่า ส่วนลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็บอกว่า ไม่ได้รับความสะดวกในการโดยสารรถไฟใต้ดิน เราออยู่ในประเทศที่มีเสรีภาพในการแสดงความคิด มันน่าช็อกที่เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ในฝรั่งเศส ที่มีเสียงไซเรนดังตลอดวัน มันน่ากลัวจริงๆ
ที่สถานีรถไฟแซงต์ ลาซา ที่เคยคับคั่ง พบว่า มีคนรออยู่ที่ชานชาลาที่อยู่ในสภาพเกือบร้างเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด ได้เข้าไปตรวจสอบพวกหีบห่อต้องสงสัย ด้านพนักงานรถไฟที่มีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด บอกว่า พวกเขาได้รับการร้องขอให้ระมัดระวังแต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ ก็คงได้แต่ภาวนาว่า คนร้ายจะไม่ยิงเขา
กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ท่องเที่ยว, อาคารที่่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา และสำนักพิมพ์ ที่รวมทั้งการจัดวางกำลังทหารและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ ซึ่งหน้าสำนักงานของสำนักข่าว AFP และหนังสือพิมพ์เลอ มงด์ ได้มีการวางกำลังตำรวจติดอาวุธอย่างแน่นหนา โรงเรียนต่างๆ ต่างเตรียมพร้อมในระดับสูง กิจกรรมกลางแจ้งและการทัศนศึกษา ถูกระงับจนกว่ากระทรวงศึกษาธิการจะอนุญาต แต่ขณะนี้ ได้มีการแจ้งนักเรียนไม่ให้อยู่หน้าโรงเรียน และให้กลับบ้าน รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่กันเป็นกลุ่มด้วย
ด้านรัฐบาลทั่วยุโรป ต่างกำชับหน่วยงานด้านข่าวกรองของแต่ละประเทศ ให้ประเมินมาตรการรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกว่า จะเกิดคลื่นการโจมตีครั้งใหม่ของกลุ่มหัวรุนแรงในยุโรป นายแองเจลิโน่ อัลฟาโน่ รัฐมนตรีมหาดไทยของอิตาลี ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคง ให้ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อภัยคุกคามจากการก่อการร้ายหลังเกิดเหตุโจมตีที่ร้ายแรงอย่างยิ่งในฝรั่งเศส
นายฆอร์เก้ เฟอร์นันเดซ ดิอาซ รัฐมนตรีมหาดไทยของสเปน ได้วางแผนจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ปารีส ด้านสำนักงานใหญ่ของปรีซ่า มีเดีย กรุ๊ป ที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ เอล ปาอีส์ ได้มีการอพยพช่วงสั้นๆ หลังพบหีบห่อต้องสงสัย ส่วนที่อังกฤษ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ได้รับฟังการสรุปจากหน่วยข่าวกรองเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคง แต่ทางการยังไม่มีแผนที่จะยกระดับการเตือนภัยในปัจจุบันที่อยู่ในระดับ "รุนแรง" ที่ถือว่าสูงอยู่แล้ว
ด้านเบลเยียม ยังคงระดับการเตือนภัยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้เพิ่มการรักษาความมั่นคงรอบสถานที่ที่ไม่ปรากฎชื่อ และไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก ส่วนเดนมาร์ก หนังสือพิมพ์ จิลแลนด์ โพสเตน ที่จุดกระแสประท้วงไปทั่วโลก ด้วยการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดามูฮัมหมัด เมื่อปี 2548 และชาร์ลี เอบโด ได้นำมาตีพิมพ์ซ้ำ ก็เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษเช่นกัน
ก.ต่างประเทศ ยันไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบเหตุยิงในปารีส
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี บอกว่า จากเหตุกราดยิงกลางกรุงปารีส กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ในเบื้องต้นแล้ว ในชั้นนี้ยังไม่มีรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อคนไทยหรือชุมชนไทยในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สถานทูตไทยประจำกรุงปารีสกำลังติดตามข้อมูลและประเมินสถานการณ์จากรัฐบาลฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด และจะแจ้งให้กระทรวงฯทราบต่อไป
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ตำรวจในกรุงปารีสระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกตามล่า 3 คนร้ายที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ โดยหลังจากก่อเหตุ มือปืนยิงปะทะกับตำรวจกลางถนนหน้าสำนักงานนิตยสาร ชาร์ลี เอบโด ก่อนขโมยรถยนต์คันหนึ่งหลบหนีไป และทิ้งรถคันดังกล่าวที่เขต รู เดอ โม ทางเหนือของปารีส และขโมยรถคนที่ 2 ต่อที่นั่นแล้วหลบหนีไป
องค์กรสื่อร่วมสนับสนุนปกป้องเสรีภาพสื่อ
นายคริสตอฟ เดอลัวร์ หัวหน้า กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน บอกในวันเกิดเหตุว่า วันนี้เป็นวันวิปโยคของสื่อมวลชนฝรั่งเศส เราไม่คาคคิดว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายขนาดนี้กับกองบรรณาธิการของชาร์ลี เอ็บโด ที่ผ่านมาเคยได้รับคำขู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เกิดอะไร เราเคยเห็นเหตุการณ์โจมตีห้องข่าวในปากีสถาน โซมาเลีย โมกาดิชู หรือ ฮอนดูรัส แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นในฝรั่งเศส สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามข่มขู่สื่อมวลชน และจำกัดเสรีภาพสื่อ
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์หลายฉบับในอังกฤษร่วมแสดงจุดยืนสนับสนุนสื่อในฝรั่งเศส โดยหนังสือพิมพ์เดลี เมล์ และ เดลี เทเลกราฟ พาดหัวข่าวว่า สงครามต่อเสรีภาพพร้อมกับตีพิมพ์ภาพสองคนร้ายเล็งปืนไปยังตำรวจที่นอนบนถนน นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทมส์ พาดหัวว่า โจมตีเสรีภาพ และการ์เดี้ยน พาดหัวว่า โจมตีประชาธิปไตย
และแม้ไฟแนนเชียล ไทมส์ ตีพิมพ์บทวิจารณ์ที่บอกว่า การกระทำของชาร์ลี เอ็บโด ที่เป็นการยั่วยุชาวมุสลิม เป็นเรื่องไร้สาระ แต่บทบรรณาธิการ ยืนยันว่า ไม่ควรมีข้อสงสัยในเรื่องความกล้าของสื่อและสิทธิของสื่อในการตีพิมพ์ และเสรีภาพสื่อจะไม่มีความหมาย หากผู้ปฏิบัติไม่รู้สึกอิสระที่จะพูด
นักวิชาการอิสลามฯชี้เหตุรุนแรงปารีส
นายจรัญ มะลูลีม อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฐานะนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางศึกษาและโลกมุสลิม กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้สิ่งที่เป็นการดูถูกพระศาสดา ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา ที่ระบุว่าต้องไม่สังหารชีวิตคน ดังนั้นในภาวะที่โลกรณรงค์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ยังพบว่ามีสื่อที่นำเสนอมุมมองเย้ยหยัน จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์ตอบโต้ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในเหตุการณ์จะพบว่าเป็นเพียงมุสิลมกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เมื่อเกิดเหตุที่สร้างผลประทบจำนวนมาก คนมุสลิมจึงถูกเหมารวมว่าเป็นพวกที่ชอบความรุนแรงทั้งหมด ทั้งที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น
นายคริสตอฟ เดอลัวร์ หัวหน้า กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน บอกในวันเกิดเหตุว่า วันนี้เป็นวันวิปโยคของสื่อมวลชนฝรั่งเศส เราไม่คาคคิดว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายขนาดนี้กับกองบรรณาธิการของชาร์ลี เอ็บโด ที่ผ่านมาเคยได้รับคำขู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เกิดอะไร เราเคยเห็นเหตุการณ์โจมตีห้องข่าวในปากีสถาน โซมาเลีย โมกาดิชู หรือ ฮอนดูรัส แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นในฝรั่งเศส สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามข่มขู่สื่อมวลชน และจำกัดเสรีภาพสื่อ
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์หลายฉบับในอังกฤษร่วมแสดงจุดยืนสนับสนุนสื่อในฝรั่งเศส โดยหนังสือพิมพ์เดลี เมล์ และ เดลี เทเลกราฟ พาดหัวข่าวว่า สงครามต่อเสรีภาพพร้อมกับตีพิมพ์ภาพสองคนร้ายเล็งปืนไปยังตำรวจที่นอนบนถนน นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทมส์ พาดหัวว่า โจมตีเสรีภาพ และการ์เดี้ยน พาดหัวว่า โจมตีประชาธิปไตย
และแม้ไฟแนนเชียล ไทมส์ ตีพิมพ์บทวิจารณ์ที่บอกว่า การกระทำของชาร์ลี เอ็บโด ที่เป็นการยั่วยุชาวมุสลิม เป็นเรื่องไร้สาระ แต่บทบรรณาธิการ ยืนยันว่า ไม่ควรมีข้อสงสัยในเรื่องความกล้าของสื่อและสิทธิของสื่อในการตีพิมพ์ และเสรีภาพสื่อจะไม่มีความหมาย หากผู้ปฏิบัติไม่รู้สึกอิสระที่จะพูด
นักวิชาการอิสลามฯชี้เหตุรุนแรงปารีส
นายจรัญ มะลูลีม อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฐานะนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางศึกษาและโลกมุสลิม กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้สิ่งที่เป็นการดูถูกพระศาสดา ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา ที่ระบุว่าต้องไม่สังหารชีวิตคน ดังนั้นในภาวะที่โลกรณรงค์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ยังพบว่ามีสื่อที่นำเสนอมุมมองเย้ยหยัน จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์ตอบโต้ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในเหตุการณ์จะพบว่าเป็นเพียงมุสิลมกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เมื่อเกิดเหตุที่สร้างผลประทบจำนวนมาก คนมุสลิมจึงถูกเหมารวมว่าเป็นพวกที่ชอบความรุนแรงทั้งหมด ทั้งที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น