ข่าว

ผู้โดยสารเลือดออกหู-บินไรอันแอร์วูบ 8,500 เมตร

ผู้โดยสารเลือดออกหู-บินไรอันแอร์วูบ 8,500 เมตร

16 ก.ค. 2561

เครื่องบินไรอันแอร์ ความดันในเครื่องลดต่ำพาเครื่องดิ่งวูบ 8,500 เมตร ผู้โดยสารฉุนไม่มีประกาศ บางคนเลือดออกหู 

 

                            เครื่องบินโดยสารของไรอันแอร์ สายการบินประหยัดของไอร์แลนด์ ที่กำลังเดินทางจากกรุงดับลิน ไปยังเมืองซาดาร์ ประเทศโครเอเชีย พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 189 คน ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฟรังเฟิร์ต-ฮาห์น ในเยอรมนี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากเครื่องบินดิ่งวูบกลางอากาศ 28,000 ฟุต ในเวลาไม่ถึง 10 นาที 

 

 

 

 

 

 

 

 

                            เนื่องจากความดันภายในเครื่องลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หน้ากากออกซิเจนหย่อนตัวลงมา สร้างความตื่นตกใจแก่ผู้โดยสารอย่างมาก เนื่องจากไม่มีประกาศใดๆก่อนหน้า มีผู้โดยสาร 33 คน ถุกนำตัวส่งโรงพยาบาล บางคนมีเลือกออกหู 

 

                            โรซาน บราวน์ลี ผู้โดยสารบนเที่ยวบินระทึกบอกกับ เอบีซีนิวส์ว่า เป็นเหตุการณ์น่ากลัวที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา “จู่ๆหน้ากากออกซิเจนหย่อนลงมาตรงหน้า แบบไม่มีประกาศอะไรเลย พวกเราลนลวนรีบสวมหน้ากาก เสียงคนกรีดร้อง ร้องไห้ และตะโกน” และพอเครื่องบินดิ่งวูบ บราวน์ลีและผู้โดยสารอีกคน ซารา ซีเซลนิก บอกตรงกันว่ายังคงไม่มีประกาศจากนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่อง “นาทีที่เครื่องบินวูบ พวกเราคิดว่ากำลังจะตาย” 

 

 

                            เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินฟรังเฟิร์ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล รักษาอาการปวดศีรษะ ปวดหู และอาเจียน สกาย นิวส์ รายงานว่า มีผู้โดยสารบางคนเลือกออกหู   

                            ผู้โดยสารทั้งสองคนยังร้องเรียนว่า  การดูแลหลังลงจอดที่สนามบินแย่มาก พวกเขาซื้อเบอร์เกอร์มาให้ 100 ชิ้น ขณะพวกเขามีกันอยู่ 189 คน ผู้สูงอายุและครอบครัวที่มีเด็ก ให้นอนบนเตียงพับ ส่วนที่เหลือแยกย้ายหาที่นอนกันเอง เท่ากับว่าพวกเธอไม่ได้นอนร่วม 36 ชั่วโมงจากปัญหาที่เกิดขึ้น

                           โฆษกไรอันแอร์ กล่าวว่า ได้แจกจ่ายคูปองเครื่องดื่มลูกค้าและจัดหาที่พัก แต่ห้องพักไม่เพียงพอ ต่อมาในวันเสาร์ ไรอันแอร์ พาผู้โดยสารส่วนใหญ่ขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าปลายทางโครเอเชีย ส่วนผู้บาดเจ็บ 22 คนจาก 33 คน ขึ้นรถบัสกลับ เพราะร่างกายไม่พร้อม 

                            สำหรับสาเหตุยังอยู่ระหว่างสอบสวน