ข่าว

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนุ่มสาวฮ่องกงที่ชนตำรวจปราบจลาจลแบบไม่หวั่นแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง บอกเล่าเหตุผลทำไมถึงหันไปใช้กลยุทธ์เผชิญหน้ามากขึ้น 

 

 

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต

( การชุมนุมใหญ่รอบสาม 16 มิ.ย.62 ) 


การชุมนุมใหญ่ของชาวฮ่องกง เพื่อล้มแผนผ่านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนฉบับใหม่ด้วยเกรงว่าในอนาคต อาจเป็นเครื่องมือใช้ส่งตัวผู้มีความเห็นต่างจากรัฐบาลจีน ไปขึ้นศาลในแผ่นดินใหญ่ ในวันนี้ ( 16 มิ.ย.) เป็นการชุมนุมครั้งที่สามแล้ว แม้ว่านางแคร์รี หล่ำ ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้ประกาศเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ออกไปแบบไม่มีกำหนด แต่ก็ยังไม่ใช่การล้มเลิกตามที่ผู้ชุมนุมต้องการ 

 

 

 

 

ในภาพรวม การชุมนุมประท้วงเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย แต่ในการแสดงพลังครั้งที่สองเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ( 12 มิ.ย.) ชาวฮ่องกงได้เห็นภาพการปะทะกันดุเดือดระหว่างคนหนุ่มสาวที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย กับตำรวจปราบจลาจลที่มีทั้งแก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย กระสุนยางและกระบอง อย่างไม่กลัวเจ็บกลัวตายและอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ที่หน้าอาคารสภานิติบัญญัติ 

เพราะเหตุใดพวกเขาจึงไม่ยึดแสดงพลังแบบสันติและสงบอย่างเดียว 

 
ชารอน นักศึกษาวัย 18 ปี กล่าวว่า เธอรู้สึกว่าการชุมนุมอย่างสงบ ไม่ได้ผลอีกต่อไปเมื่อสามวันก่อนหน้า 


สามวันก่อนหน้าคือวันที่ผู้จัดระบุว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ ชาวฮ่องกงกว่า 1 ล้าน ร่วมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมาย แต่ก่อนเที่ยงคืนไม่นาน  จอสมาร์ทโฟนของชารอนวาบขึ้นมาเป็นข่าวคืบหน้าว่า รัฐบาลไม่หวั่นไหว จะเดินหน้าต่อไป 

 

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต


“ฉันคิดได้นาทีนั้นว่าต่อให้คนเป็นล้านออกมา ก็จะไม่มีผลอะไรเลย คนตระหนักแล้วว่าการประท้วงอย่างสงบสันติ ไม่เวิร์คจริงๆ” ชารอนกล่าว คนที่คิดตรงกับชารอน ก็เห็นไปในทางเดียวกันว่า บนดินแดนที่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมใหญ่แทบทุกปีมาตั้งแต่ปี 2546 กลับไม่เห็นความคืบหน้า 


ส่วน แอนดรูว์ วัย 22 ปี กล่าวว่า ก่อนไปร่วมประท้วงเมื่อวันพุธ เขากับเพื่อน 7 คนเตรียมรับมือกับสเปรย์พริกไทยและแก๊สน้ำตา ด้วยการไปซื้ออุปกรณ์จำเป็น เช่น แว่นกันน้ำ ถุงมือและฟิล์มพลาสติก ใช้ป้องกันแขนไหม้จากแก๊สน้ำตา และผ้าอนามัยใช้ห้ามเลือด กระนั้น การเตรียมตัวที่ว่า เป็นไปแบบต่างคนต่างทำแต่พร้อมใจกันเตรียมไปตามกลุ่มเพื่อนที่ไว้ใจกัน และเดินไปพร้อมกับมวลชน โดยไม่มีการกำกับจากผู้นำคนใด  


“ไม่มีใครประกาศว่า ฉันต้องใช้กำลัง หรือยืนอยู่แถวหน้า”แอนดรูว์บอก การตัดสินใจเข้าชนกับตำรวจและพยายามบุกถึงอาคารสภาเกิดขึ้นโดยไม่มีใครออกคำสั่ง 


“บางทีมันอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราที่ต้องเลือก อาจเป็นเพราะอารมณ์ของฝูงชน หรือสิ่งที่ตำรวจทำเพื่อทำให้เราโกรธมากก็ได้” 

 

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต


กลยุทธ์เหล่านี้สวนทางกับการปักหลักชุมนุมยึดใจกลางฮ่องกงกว่า 2 เดือน ในปี 2557 เพื่อเรียกร้องสิทธิเสนอชื่อและเลือกตั้งผู้ว่าฮ่องกงแทนมาจากการคัดสรรโดยปักกิ่ง การชุมนุมที่ต่อมาเรียก การปฏิบัติร่ม หรือ ขบวนการร่ม ในภาพรวมสงบเรียบร้อยภายใต้แกนนำจำนวนหนึ่ง แต่นอกจากทางการไม่อ่อนข้อให้สักข้อแล้ว แกนนำขบวนการร่มอย่าง โจชัว หว่อง แกนนำนักศึกษา กับ เบนนี ไถ้ นักวิชาการ ต้องไปขึ้นศาลสู้คดีและขณะนี้ อยู่ในเรือนจำ 


แอนดรูว์ กล่าวว่า เราเลือกหนทางนี้เพราะสิ่งที่เคยทำมาจนถึงปัจจุบัน ไม่มากพอที่ทำให้รัฐบาลสัมผัสได้ถึงความโกรธและความไม่พอใจต่อร่างกฎหมาย ขณะยอมรับว่าการประสานงานแบบมีแกนนำอาจจะทำให้การต่อสู้ง่ายกว่า แต่ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับถูกจับ 

 

 

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต


นับแต่นั้นมา ตำรวจปราบจลาจล ตีตราการประท้วง ว่า เป็นจลาจล นายตำรวจระดับสูงที่มักสอบสวนแก๊งอาชญากรรม ระบุว่าพวกที่ก่อเหตุวุ่นวาย เป็นพวกรุนแรง สุดโต่ง เตรียมการ และไตร่ตรองมาแล้ว ขณะผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง กล่าวว่า ตำรวจจำเป็นต้องป้องกันตัว เพราะเสี่ยงตายเหมือนกัน จากก้อนอิฐและโลหะที่ปาเข้าไป

 
ส่วนนางแคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง เรียกผู้ประท้วงรวมๆว่า ผู้ก่อการจลาจล และปฏิเสธขอโทษเรื่องสลายการชุมนุม แม้ว่าเมื่อวันเสาร์ ยอมเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมาย และยอมรับว่าเธอตัดสินกระแสสังคมผิดพลาด 


หลายวันมานี้ ตำรวจและผู้ว่าฮ่องกง เผชิญกระแสโจมตีเรื่องการใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับมวลชน พ่อแม่เด็กเดินขบวนถือป้ายมีข้อความ ว่า อย่ายิงลูกหลานของเรา 

 

ลุยด้วยใจ-ไร้แกนนำหนุ่มสาวฮ่องกงเลือกเผชิญหน้าเพื่ออนาคต


คริส ผู้ประท้วงที่ร่วมลุยเมื่อวันพุธ โดยเขียนเบอร์โทรศัพท์ทนายความไว้ที่ท้องกรณีถูกจับกุม กล่าวว่า เขาเชื่อว่าชาวฮ่องกงสายอนุรักษ์ที่เคยต่อต้านการเคลื่อนไหวแบบสุดโต่ง เริ่มเปลี่ยนมายอมรับมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ แอนดรูว์ก็เห็นด้วย เขากล่าวว่า คนสวมสูทและคนหลากหลายสาขาอาชีพ มักจะเข้าไปสนับสนุนด้านเสบียงและถามว่าพวกเราต้องการอะไร 


แอนดรูว์เชื่อว่าการประท้วงอย่างสงบและด้วยกำลังอยู่ร่วมกันได้ อย่างการที่ชาวคริสต์ร่วมกันสวดมนต์นานหลายชั่วโมงในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด และรปภ.ห้างสรรพสินค้าช่วยผู้ประท้วงหลบแก๊สน้ำตา 


ผู้ประท้วงหนุ่มสาวยังเรียนหนังสือ และเผชิญความเป็นไปได้ที่ถูกจำคุกกับจับกุม กระนั้น เหลียง นักศึกษาที่เคยร่วมประท้วงหลายครั้งก่อนหน้า กลับรู้สึกว่า คนรุ่นเธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว “ฉันทิ้งความกังวลไว้  เมื่ออยู่ในที่ชุมนุม ฉันกลัวเจ็บมากกว่าถูกจับกุม” 


ส่วนแอนดรูว์ กล่าวว่า ต่อให้เลือกทางสบายและเป็นนายธนาคาร แต่หากกฎหมายผ่านออกมา ผมก็คงรู้สึกอยู่ใต้ภัยคุกคามอยู่ดี หากให้คิดแบบยอมรับความจริง คุณแค่รอถูกโจมตีก็เท่านั้น” 

 

เรื่อง/ภาพ AFP 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ