แม่ 'แรงงานไทยในอิสราเอล' ที่ถูกจับน้ำตาคลอสุดห่วงลูกชาย วอนรัฐช่วยเหลือ

จากเหตุการณ์กลุ่มกองกำลังติดอาวุธยิงขีปนาวุธถล่มในประเทศ 'อิสราเอล' และมีกองกำลังติดอาวุธบุกจับ 'แรงงานไทย' ที่ทำงานในบริเวณดังกล่าว จกการสำรวจพบว่า เป็นแรงงานชาวจ.อุดรธานี จำนวน 5 คน ประกอบด้วยนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาวบ้าน อ.สร้างคอม นางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือ โย อายุ 35 ปี ชาวอ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ภรรยานายบุญถม ,นายอนุชา อ่างแก้ว ชาวตำบลปะโค อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ,นายมณี จิราชาติ ชาวต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ,นายเกียรติศักดิ์ พาที ชาวอ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี และนายมาโนช สีทอง ถูกยิงอาการสาหัส ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี

นางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี แม่ของนายบุญถม หลังทราบข่าวลูกชายถูกจับมีอาการตกใจ โดยนางเขียนบอกว่า มีลูกทั้งหมด 9 คน นายบุญถมเป็นลูกคนสุดท้อง ไปทำงานที่ประเทศ อิสราเอลหลายปีแล้ว รู้ข่าวแล้วว่าลูกชายถูกจับเพราะลูกๆ เล่าให้ฟัง ก็เป็นห่วงลูกชายกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ขณะที่นางอุไร จันทะชาติ อายุ 61 ปี พี่สาวนายบุญถม กล่าวทั้งน้ำตาว่า น้องชายไปทำงานประเทศ อิสราเอล กว่า 5 ปีแล้ว พอรู้ข่าวครอบครัวก็รู้สึกตกใจเป็นห่วงน้องชายมาก คิดถึงน้องกลัวเป็นอันตราย อยากให้มีชีวิตรอดปลอดภัยกลับมาหาแม่และพี่ๆ พร้อมขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้น้องชายและน้องสะใภ้ปลอดภัย พร้อมวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยน้องชายและคนไทยทุกคนที่ถูกจับด้วย 

ขณะที่นายนพดล จงสมชัย แรงงานจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 56 หมู่ 1 บ้านหินโงม ต.หินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมครอบครัวนายบุญถม สร้างขวัญกำลังใจ พร้อมแจ้งข้อมูลข่าวสาร ชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติทราบ

สำหรับจ.อุดรธานี มีรายงานเบื้องต้นว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยที่เป็นคนจ.อุดรธานี 5 คนที่ถูกควบคุมตัวและได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ โดยทางเจ้าหน้าที่จากแรงงานจ.อุดรธานีและจัดหางาน จ.อุดรธานี จะเดินทางไปพบครอบครัวผู้ประสบภัยทั้งหมด 

ส่วนกรณีนางศศิวรรณ พันธ์ฆ้องถูกจับพร้อมกับนายบุญถม ที่มีข้อมูลระบุว่าเป็นสามีภรรยากันนั้น เป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน นายบุญถมถูกจับพร้อมกับนางณัฐฐาวรี มูลกัน ภรรยาชาว จ.ขอนแก่น ส่วนนางศศิวรรณ มีศักดิ์เป็นหลานสาวนายบุญถม ออกมายืนยันตัวตนว่า ไม่ได้ถูกจับ แต่ก่อนเคยไปทำงานประเทศอิสราเอล กลับบ้านบ้านตั้งแต่ปี 62 หรือ 4 ปีที่แล้ว พร้อมกับนำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ ว่าไม่ได้ถูกจับ ข่าวออกไปคลาดเคลื่อน