พระธาตุศรีสองรักจ.เลยตำนานแห่งสัจจะและไมตรี
พระธาตุศรีสองรักจ.เลยตำนานแห่งสัจจะและไมตรี : ไพศาล ถิระศุภะ
พระธาตุศรีสองรัก เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของ จ.เลย เป็นพระธาตุแห่ง “สัจจะและไมตรี” ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ผู้ครองกรุงศรีอยุธยาแห่งราชอาณาจักรสยาม และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) แห่งราชอาณาจักรล้านช้าง (สปป.ลาว ในปัจจุบัน) เพื่อเป็นสักขีพยานว่า จะไม่มีการสู้รบให้เลือดตกต้องแผ่นดินกันอีกต่อไป เนื่องจากขณะที่กษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์ทรงครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจและมีการรุกรานดินแดนต่างๆ เพื่อขยายอำนาจ
ทั้ง ๒ พระองค์ทรงเห็นตรงกันที่จะรวมกำลังเป็นพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับพม่า จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกันพร้อมกับทรงสร้าง “พระธาตุศรีสองรัก” ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๑๐๓ เสร็จใน พ.ศ.๒๐๑๖
ด้วยเจตนารมณ์ของกษัตริย์ ๒ แผ่นดินในครั้งนั้นจึงมีผลให้มีการขอร้องและห้ามมิให้ใช้สีแดงซึ่งถือว่าเป็นสีเลือดในพื้นที่บริเวณ “พระธาตุศรีสองรัก” ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ เครื่องประดับ ของใช้ หรือแม้แต่เครื่องแต่งกาย ทั้งนี้ “สีแดง” อาจเปรียบได้กับ “เลือด” ที่เป็นผลของการทำสงคราม
ที่มาของชื่อ “พระธาตุศรีสองรัก” นี้มาจากชื่อของเมืองทั้ง ๒ คือ กรุงศรีอยุธยา และกรุงศรีสัตนาคนหุต โดยทั้ง ๒ แผ่นดินตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะไม่มีการสู้รบกันอีกต่อไป จะมีแต่ความรักใคร่ผูกพันกัน จึงเกิดเป็นชื่อ “ศรีสองรัก” ในดินแดนแห่งสัจจะและไมตรีที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย
“พระธาตุศรีสองรัก” นี้ตั้งอยู่บริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างแม่น้ำโขงและแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้ง ๒ ราชอาณาจักร อยู่ในเขต อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยอยู่ห่างจากอำเภอด่านซ้าย ๑ กิโลเมตร
ลักษณะของ “พระธาตุศรีสองรัก” เป็นเจดีย์คล้ายพระธาตุพนม สีขาว ก่ออิฐถือปูน มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ ๘ เมตร สูงประมาณ ๓๒ เมตร บนยอดพระธาตุมีแก้วครอบเป็นโดม และมีกระดิ่งลูกเล็กๆ แขวนอยู่เหนือโดม ภายในเจดีย์ได้บรรจุ “พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า” ไว้
องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินใน “วัดพระธาตุศรีสองรัก” ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ แต่อยู่ในความดูแลของวัดโพนชัย ซึ่งอยู่ห่างจากพระธาตุเจดีย์ออกมา เท่ากับว่าวัดโพนชัย คือ คณะสงฆ์ที่ดูแลรักษาพระธาตุเจดีย์ นั่นเอง
“พระธาตุศรีสองรัก” เป็นปูชนียสถานที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ที่เคารพนับถือมาบนบานศาลกล่าวสิ่งใดก็จะบรรลุตามความประสงค์ทุกประการ หรือหากนำดินธาตุจากองค์พระธาตุเจดีย์ไปบูชาแล้ว จะแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ได้
ความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เนื่องจากวิญญาณแห่งความรักของหญิงชายคู่หนึ่งที่ถูกกีดกันทางด้านความรัก จึงพากันหนีเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก่อสร้างองค์ “พระธาตุศรีสองรัก” ขุดไว้เพื่อเก็บทรัพย์สินที่ชาวเมืองนำมาบริจาค เมื่อปิดอุโมงค์โดยไม่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างในทั้งคู่จึงตายอยู่ด้วยกัน และวิญญาณของทั้งสองได้ช่วยกันปกปักรักษาองค์พระธาตุ จึงมีกฎเกณฑ์ที่สาธุชนจะต้องปฏิบัติ เมื่อมากราบไหว้บูชาพระธาตุแห่งนี้
ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี จะมีพิธีสมโภชและสักการะ “พระธาตุศรีสองรัก” เริ่มจากการทำความสะอาดองค์พระธาตุ ทำพิธีสรงน้ำพระธาตุ พิธีสู่ขวัญพระธาตุ พิธีเวียนเทียน พิธีบวชนาค ซึ่งจะต้องจุดบั้งไฟไปพร้อมกันด้วย
และสุดท้ายเป็นพิธีคารวะพระธาตุ โดยการนำต้นผึ้งมาถวายพระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง และทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
ภายในมณฑปบริเวณองค์พระธาตุประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ศิลปะทิเบตที่สร้างขึ้นพร้อมกับ “พระธาตุศรีสองรัก” หัวนาคปรกสร้างด้วยศิลา ในส่วนขององค์พระพุทธรูปสันนิษฐานว่าสร้างด้วยทองสำริด มีหน้าตักกว้าง ๒๑ นิ้ว สูง ๓๐ นิ้ว
นอกจากนี้ประวัติการสร้าง “พระธาตุศรีสองรัก” ยังถูกบันทึกไว้บน “ศิลาจารึกพระธาตุศรีสองรัก” (หลักเก่า) บริเวณวัดพระธาตุศรีสองรัก โดยเป็นศิลาจารึกรูปใบโพธิ์ บันทึกประวัติโดยย่อของพระธาตุศรีสองรัก
ทั้งนี้ ถ้าท่านมีโอกาสไปสักการะ “พระธาตุศรีสองรัก” ต้องอย่าลืมธรรมเนียมปฏิบัติกับข้อห้ามในเรื่องของ “สีแดง” ด้วย
ในด้านวัตถุมงคลของ “พระธาตุศรีสองรัก” มีการจัดสร้างในหลายรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “เหรียญ” ซึ่งจัดสร้างขึ้นหลายวัด ทั้งวัดพระธาตุศรีสองรัก และวัดอื่นๆ ใน จ.เลย
ภาพเหรียญในบทความนี้คือ “เหรียญพระธาตุศรีสองรัก” ลักษณะเหรียญรูปไข่ เนื้อเงินลงยา สร้างปี ๒๕๑๑ โดยวัดพระธาตุศรีสองรัก เป็นผู้จัดสร้าง มีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะการอธิษฐานขอพรเรื่องความรัก
สำหรับพระคาถาบูชา “พระธาตุศรีสองรัก” นั้น ให้ว่านะโม ๓ จบ แล้วตามด้วย “นะคะโลเก เทวะโลเก ชมพูทีเป ตาวะติงเส ชินนะธาตุโย อะระหันตา นะมามิ”