Lifestyle

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เยี่ยม "บ้านโสมส่องแสง" เรียนรู้ผลงานและวิถีชีวิตของ ครูมนตรี ตราโมท 

          การเรียนรู้ผ่านประวัติศาสตร์ ย่อมทำให้เราเห็นถึงวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สะท้อนแนวคิด วิถีชีวิต และมุมมองที่มีค่าต่างๆ ของคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นหลัง KBank Live ธนาคารกสิกรไทย จึงได้จัดกิจกรรมพาแฟนเพจ KBank Live เข้าเรียนรู้วัฒนธรรมและเยี่ยมชมหนึ่งในสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อย่าง “บ้านโสมส่องแสง” 

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

บ้านโสมส่องแสงหรือพิพิธภัณฑ์บ้านครูมนตรี ตราโมท

          ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็น “พิพิธภัณฑ์บ้านครูมนตรี ตราโมท” เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ผลงานและวิถีชีวิตของ ครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติสาขาดนตรีไทย พ.ศ. 2528 และยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอีกมากมายในฐานะของครูดนตรีและศิลปินผู้สร้างผลงานอันทรงคุณค่าไว้ให้แก่ประเทศชาติทั้งด้านดนตรีไทยและอักษรศาสตร์ แต่ในด้านวิถีชีวิต ท่านกลับเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตด้วยความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและพอเพียง การเรียนรู้วิถีชีวิตดังกล่าวย่อมสะท้อนข้อคิดให้แก่ผู้มาเยี่ยมชมตามเจตนาของครูมนตรีว่าความสำเร็จของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุสิ่งของหรือชื่อเสียงเงินทอง แต่คือการได้สร้างผลงานให้แก่ประเทศชาติและสังคม ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ญาณี ตราโมท ทายาทของครูมนตรี และ กษภรณ์ ตราโมท เลขาธิการมูลนิธิมนตรี ตราโมท ในพระราชูปถัมภ์ฯ ในการเป็นวิทยากรนำชมพิพิธภัณฑ์

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

ญาณี ตราโมท ทายาทครูมนตรีกับแฟนเพจ

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

โต๊ะทำงานที่มาของผลงานเพลงของศิลปินแห่งชาติสาขาดนตรีไทย พ.ศ.2528

          ภายในบ้านโสมส่องแสง ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ใต้ถุนสูง อายุเกือบ 60 ปี ปลูกในพื้นที่ประมาณ 600 ตารางวา ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่น ตั้งอยู่ในซอยพิชยนันท์ ถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี เป็นบ้านที่ครูมนตรีใช้เงินบำเหน็จหลังจากเกษียณอายุราชการซื้อเป็นที่อยู่อาศัยของตัวเองหลังแรกและหลังเดียวตลอดชีวิต ถึงจะไม่หรูหราหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก แต่ครูมนตรีกลับพอใจในความเงียบสงบซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และบ่อน้ำ ภายในซอยพิชยนันท์นั้นมีซอยย่อยทั้งสิ้น 24 ซอย ชื่อของแต่ละซอยถูกตั้งจากชื่อเพลงไทยที่ครูมนตรีประพันธ์ทั้งหมด เช่น ซอยราตรีประดับดาว ซอยเทพบรรทม และ ซอยโสมส่องแสง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบ้านครูมนตรี โดยเป็นชื่อผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพลงหนึ่งของท่าน จึงทำให้บ้านของครูมนตรีมีชื่อเรียกกันว่า “บ้านโสมส่องแสง” ท่านได้ต่อเติมห้องพระเพื่อเป็นที่สักการะพระรัตนตรัย เทพ และครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ซึ่งปฏิบัติเป็นประจำทั้งเช้าเย็นไม่เคยขาด ห้องพระในบ้านจึงมีรอยเขม่าควันธูปให้เห็นอยู่เต็มผนังและแผ่นฝ้า 

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

เตียงนอนของครูมนตรีที่ใช้คิดและแต่งเพลง

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

ห้องพระ ซึ่งเจ้าของบ้านเข้าสักการะทั้งเช้าและเย็น

          นอกจากอยู่อาศัยแล้ว บ้านหลังนี้ยังเป็นสถานที่ทำงานอีกแห่งของครูมนตรี ตราโมท โต๊ะอาหารเป็นทั้งโต๊ะรับแขกและโต๊ะทำงานไปพร้อมกัน แม้แต่เตียงนอนของครูมนตรียังเป็นสถานที่ใช้คิดและแต่งเพลง โดยท่านจะใช้นิ้วเคาะหัวเตียงเป็นจังหวะ ซึ่งยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็นจนปัจจุบัน แม้บ้านโสมส่องแสงจะไม่ได้มีความสวยงามตามลักษณะทางสถาปัตยกรรม และของใช้ภายในบ้านจะไม่ได้มีราคาทางวัตถุมากนัก ไม่ได้ถูกจัดแสดงสิ่งของล้ำค่าเหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไป แต่บ้านโสมส่องแสงเปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์คนที่สอนเรื่องราวของการดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่าย พอเพียง กตัญญูกตเวทีและอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งมีคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

          สำหรับประวัติและผลงานคร่าวๆ  ครูมนตรี ตราโมท เกิดในปลายรัชกาลที่ 5 ที่ จ.สุพรรณบุรี เริ่มศึกษาด้านดนตรีตั้งแต่วัยเด็กที่หอปี่พาทย์วัดสุวรรณภูมิ และศึกษาในระดับการประพันธ์เพลงและฝึกหัดบรรเลงแตรวงเพิ่มเติม เมื่ออายุ 17 ปี จากนั้นครูมนตรีได้เข้ารับราชการในวัง คือ กรมมหรสพ และได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นนักดนตรีบรรเลงระนาดทุ้มประจำวงตามเสด็จรัชกาลที่ 6 จากนั้นในวัย 35 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ครูประจำโรงเรียนศิลปากรหรือวิทยาลัยนาฏศิลป ในปัจจุบัน และได้เขียนตำราเรียนดนตรีไทยขึ้นใช้เป็นคนแรก ได้แก่ “ดุริยางคศาสตร์ไทยภาควิชาการ” รวมทั้งเป็นผู้สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาดนตรีเพื่อใช้ในโรงเรียนนาฏศิลป นอกจากนี้ยังมีผลงานการประพันธ์เพลงและบทละครอีกจำนวนมากกว่า 200 เพลง ใน พ.ศ. 2484 ครูมนตรีได้รับการครอบประสิทธิ์ประสาทให้เป็นผู้ประกอบพิธีไหว้ครูจากหลวงประดิษฐไพเราะ และในปี พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานครอบครูให้แก่ ครูมนตรี ตราโมท เพื่อเป็นประธานในการสืบทอดพิธีไหว้ครูโขนละครอีกครั้งหนึ่ง แม้เกษียณอายุราชการแล้ว ครูมนตรีก็ยังคงทำงานด้านดนตรีไทยอย่างต่อเนื่องจนสิ้นชีวิต เมื่อ พ.ศ. 2538 สิริรวมอายุ 95 ปี ผลงานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายของครูมนตรี เพลงไทย ได้แก่ เพลงโหมโรงมหาราช เพลงโสมส่องแสง เพลงลาวกระทบไม้ เพลงระบำนพรัตน์ ส่วนเพลงสากล ได้แก่ เพลงในน้ำมีปลาในนามีข้าว เพลงรำวงงามแสงเดือน เป็นต้น

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

เกษภรณ์ ตราโมท พาคณะเยี่ยมชมภายในบ้าน

เปิดบ้านโสมส่องแสง...ส่องชีวิต"ครูมนตรี ตราโมท"

          “บ้านโสมส่องแสง” เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ยังเปิดสอนดนตรีไทยให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ