คอลัมน์... ยานยนต์ โดย... สินธุ์ชัย ภมรพล
นอกจากฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ ที่เตรียมเปิดตัวในบ้านเราเดือนมีนาคมนี้แล้ว แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ยังมีรุ่นไฮบริด เป็นทางเลือกอีก 1 รุ่น
ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ แอทกินสัน-ไซเคิล ไอ-วีเทค 2.0 ลิตร กับระบบไฮบริดที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)
ระบบไฮบริดของแอคคอร์ดใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งใช้ขับเคลื่อนรถ อีกตัวใช้เป็นตัวสร้างพลังงานไฟฟ้าป้อนเข้าแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นชนิด ลิเธียม ไออน ขนาด 1.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง
แบตเตอรี่ มีการจัดเรียงโมดุลใหม่ ทำให้มีขนาดที่เล็กลงกว่ารุ่นเดิม และย้ายมันไปติดตั้งไว้ใต้เบาะนั่งด้านหลังแทนที่จะเป็นหลังเบาะเหมือนก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่รบกวนพื้นที่อื่นๆ ของรถ ดังนั้นแอคคอร์ดไฮบริดจะมีพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเท่ากัน
ระบบขับเคลื่อนใช้เกียร์ อี-ซีวีที ซึ่งก็ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหล นุ่มนวลมากขึ้น และเกียร์ก็ตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ที่การใช้งานทั่วไปได้ดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงการออกตัว หรือเร่งแซง หรือการปรับเปลี่ยนความเร็วในย่านต่างๆ
การออกตัวที่ได้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้แอคคอร์ด ไฮบริด ดูเป็นรถที่มีความกระฉับกระเฉงมากทีเดียว แต่ก็สุขุมอยู่ในที ด้วยอารมณ์ของเกียร์ซีวีที ซึ่งเราแค่ค่อยๆ กดน้ำหนักลงบนคันเร่งไปเรื่อยๆ ไม่ต้องใช้ความรุนแรงกับมัน การออกตัวก็ขยับความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ อารมณ์เหมือนกับเวลารถไฟฟ้าออกตัวจากชานชาลานั่นแหละครับ
ช่วงการเพิ่มความเร็วหรือการเร่งแซงก็เหมือนกันครับ ไม่ต้องใช้ความรุนแรง แค่การเพิ่มน้ำหนักให้รถรู้ถึงความต้องการของเราก็จะสั่งการให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเหลือทำให้การเพิ่มความเร็วน่าพอใจ
แต่การขับขี่ครั้งนี้ซึ่งมีระยะทางไม่ไกลนักและมีข้อจำกัดด้านความเร็วจากกฎหมายที่เข้มงวดของย่านที่ขับขี่แถบชานเมือง แคลิฟอร์เนีย ที่กำหนดสูงสุดไม่เกิน 70 กม./ชม. แม้จะแอบๆ เกินไปบ้างก็ไม่เกิน 100 กม./ชม. ดังนั้นการทดลองอัตราเร่ง หรือการเปลี่ยนความเร็วก็เป็นการเปลี่ยนที่ความเร็วช่วงกลางเป็นหลัก ส่วนการตอบสนองของไฮบริด หรือว่าเครื่่องยนต์ที่ความเร็วสูงกว่านี้ คงต้องรอหลังการเปิดตัวที่เมืองไทย
สำหรับแอคคอร์ด ไฮบริด ไม่มีคันเกียร์นะครับ แต่จะใช้เป็นแบบปุ่มกดแทน แนวทางเดียวกับที่ใช้ในซีอาร์-วี ดีเซล
การควบคุมคุมขับขี่่ก็ทำได้ดี การยึดเกาะถนนดี ขับขี่ในทางโค้งได้แม่นยำ แม้ว่าหลายช่วงที่ต้องขับขี่กันท่ามกลางสายฝน จนน้ำฝนกระจายก็ตาม ตรงนี้เป็นพัฒนาการจากรุ่นเดิมที่ชัดเจน
แต่ว่าช่วงล่างของไฮบริดเมื่อเทียบกับ 1.5 เทอร์โบ จะนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย สุภาพกว่า
นอกจากเรื่องของเครื่องยนต์ แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ยังมีการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น โครงสร้างตัวถัง ที่ฮอนด้าบอกว่านอกจากจะเป็นเจเนอเรชั่นใหม่แล้วยังจะเป็นต้นแบบในการพัฒนารถรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย
ฮอนด้าปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่เพื่อเพิ่มทั้งความพอใจในการโดยสารและขับขี่ โดย ยืดฐานล้อให้ยาวขึ้น รวมถึง ขยายความกว้างช่วงล้อ ผลที่ได้มาก็คือห้องโดยสารที่กว้างขวางซึ่งเห็นได้ชัดเจนเมื่อไปนั่งเบาะด้านหลัง ซึ่งพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เข่าเหลือเยอะ ห่างจากเบาะคู่หน้าพอควร
อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงและมีผลในเชิงเทคนิคก็คือ การปรับให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ซึ่งตรงนี้ก็มีผลต่อการขับขี่ หรือว่าการทรงตัวของรถ รวมถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในโค้ง หรือการเปลี่ยนเลนไปมาครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่พบได้ในห้องโดยสารก็คือ ความเงียบที่น่าพอใจ ซึ่งนอกจากการเก็บเสียงด้วยวัสดุต่างๆ การเชื่อมโลหะแล้ว ยังมาจากระบบที่เรียกว่า “แอคทีฟ นอยส์ คอนโทรล” ซึ่งเป็นการปล่อยเสียงออกมาหักล้างกับเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยสารครับ
ความเงียบยังมาจากสิ่งที่่เรียกว่าสเปรย์ โฟม ซึ่งใช้เป็นครั้งแรกในแอคคอร์ด ช่วยลดเสียงรบกวนได้ และก็ยังเป็นผลพวงมาจากการที่มีศูนย์ถ่วงต่ำลง ซึ่งช่วยให้แอโรไดนามิคใต้ท้องรถดีขึ้น ลดเสียงที่เกิดจากลมปะทะได้มากขึ้น
ตัวถังยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกกับแอคคอร์ด ก็คือ “เลเซอร์ เบลซ” (Laser Blaze) ซึ่่งจะช่วยลดรอยต่อบริเวณหลังคารถกับตัวถัง ทำให้ดูเรียบเนียน หรูหรายิ่งขึ้น และไม่ต้องไปหาวัสดุมาแทรก
โดยภาพรวมแอคคอร์ด การขับขี่ลงตัวกว่ารุ่นเดิม แต่ว่ารายละเอียดอื่นๆ ที่มากไปกว่านี้ต้องรอหลังเปิดตัวในเมืองไทยซึ่งก็อีกไม่นานนี้แล้วครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง