ปลดล็อคนางรอง! "ฟ้าใส" นางงามสายสตรอง

      สิ้นเสียงประกาศให้ “ฟ้าใส” ปวีณสุดา ดรูอิ้น คือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ทำเอาทันเดอร์โดม เมืองทองธานี แทบแตก! สมใจแฟนคลับทั้งไทยและเทศที่แห่กันมาส่งเสียงเชียร์ทุกรอบที่เธอปรากฎตัว มากพอที่จะส่งให้คว้าอีกรางวัลอย่าง “มิสป๊อปปูล่าโหวต” ที่แน่ๆ ผลตรงตามโพลที่เทให้สาวลูกครึ่งไทย-แคนาดา วัยเบญจเพสคนนี้เต็งหามทุกสำนัก!

     กว่าจะมุ่งมั่นจนสำเร็จได้ “ยืนหนึ่ง” รับมงกุฎเลอค่าในวันนี้ จริงๆ เส้นทางสายนางงามของ “ฟ้าใส” ก่อนหน้าดูจะไม่ค่อย “สดใส” เท่าไรนัก ประเดิมเวทีนมิสไทยแลนด์ไชนีส คอสมอส 2013 ได้รองอันดับ 2 ปีเดียวกันก็ลงประกวดนางสาวไทย คว้ารองอันดับ 1 เมื่อฝันยังไม่สุดจึงเพิ่มดีกรีขึ้นกับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ทำดีที่สุดหยุดที่รอง 2 เคยบินไปประกวดต่างประเทศเวทีมิสเอิร์ธ 2017 ที่ฟิลิปปินส์ แล้วจบที่ท็อปรอบ 8 ที่นี่เองเธอมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนนางงามต่างชาติโดยเฉพาะ”แคทรีโอน่า เกรย์” ที่มาคว้ามิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่ประเทศไทย และมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินด้วยเมื่อค่ำวันก่อน

     ดูเหมือนคำว่า “นางรอง” หลายเวทีจะเป็นแรงขับให้บัณฑิตสาวเกียรตินิยมอันดับ 1 ด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ คัลการี ประเทศแคนาดา อยากท้าทายตัวเองเพิ่มไปอีก เธอซุ่มฟิตซ้อมรูปร่าง สกิลการเดิน ฝึกตอบคำถามแล้วลุ้นอีกเฮือกกับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ที่เปลี่ยนมือมาสู่บริษัท ทีพีเอ็น 2018 จำกัด นำขบวนโดยสมชาย ชีวสุทธานนนท์ หรือ “ตี๋” แมทชิ่ง” ภายใต้แนวคิด ”เอ็มเพาเวอริ่ง บิวตี้” หรือ “ ความงามที่ทรงพลังอย่างมีคุณค่า” ฟ้าก็เปิดให้ “ฟ้าใส” แสดงศักยภาพจนคว้ามงกุฎตามความฝันสำเร็จ!

      ค่ำคืนที่สว่างวาบยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 มีคุณพ่อมิเชล ดรูอิ้น และคุณแม่พรวณิชย์ แซ่ตั่น มาเกาะขอบเวทีให้กำลังใจ ที่สำคัญมานั่งฟังลูกสาวคนรองของบ้านตอบคำถามชิงดำที่ว่า “คิดเห็นอย่างไรกับการที่มีผู้หญิงหลายคนต้องทนอยู่เพื่อลูก โดยที่ลูกนั้นยังเล็ก ทั้งที่ไม่ได้รักสามีแล้ว หรืออยู่เพื่อหน้าที่?? บังเอิญว่าตรงกับสถานการณ์จริงในครอบครัว ซึ่งนอกจากฟ้าใสจะโชว์กึ๋นจนชนะใจคนทั้งฮออล์แล้วยังขยายความต่อหลังจากคว้ามงกุฎว่า”ตอนเด็กๆ เราเคยคิดว่าพ่อแม่อยู่ด้วยกันเพราะว่าเรา แต่จริงๆแล้วมาเคลียร์กันก่อนหน้านี้ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ พ่อแม่ของเราอยู่เพราะอะไร”

      นั่นคือเรื่องส่วนตัว ทว่าเรื่องส่วนรวมที่เธออยากทำมากที่สุดตอนนี้ คืออยากใช้ประสบการณ์ด้านกีฬาที่มีขับเคลื่อนสิ่งที่ยังเป็นความไม่เท่าเทียมในสังคม เพราะตอนอยู่ที่แคนนาดา มีโอกาสได้เป็นอาสาสมัครโครงการที่จะปรับเปลี่ยนบทและกติกาของกีฬาเพื่อให้เหมาะกับชนิดของคนที่พิการ และถ้าเป็นไปได้อยากจะนำโครงการดีๆ แบบนี้มาที่ประเทศไทย สังเกตเวลาที่เด็กพิการได้ทำกิจกรรม ได้เล่นกีฬาตามที่ต้องการ ความมั่นใจของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในการกล้าที่จะตัดสินใจ มันสามารถสร้างรอยยิ้มได้ และในฐานะที่เป็นนักกีฬาคนหนึ่งก็ดีใจที่สามารถแบ่งความสุขให้กับน้องๆ

     คมคิดของเธอสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ที่ทุกคนเห็นชัดคือ “ความสตรอง” แถมด้วยมุ่งมั่น และมีเป้าหมายชัดเจน เจ้าตัวย้ำชัดภารกิจต่อไปใหญ่หลวงนัก ต้องเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อไปชิงมิสยูนิเวิร์ส 2019 และแน่นอนว่า “มงที่ 3 ของประเทศไทย” คือเป้าหมายสูงสุด

        "หนูเชื่อว่าความพยายามของหนู แล้วก็การที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เวลาที่เราทำอะไรที่มีแรงบันดาลใจและเป็นเป้าหมายของหนูมานานมาก ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามเต็มที่ และแน่นอนว่าถ้าพี่ๆ ได้เห็นพัฒนาการของหนูจากปี 2017 มาถึงครั้งนี้ก็จะเห็นแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แต่สัญญาเลยค่ะว่าจากวันนี้ จนถึงวันที่จะบินไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส จะต้องเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น สัญญาค่ะ" ฟ้าใส ทิ้งท้ายก่อนยิ้มกว้าง