Lifestyle

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ คอลัมน์... ยานยนต์

 

 

          เอ็มจี เปิดตัวรถคันแรกในไทยปี 2557 ด้วยรุ่นเอ็มจี 6 รถซีดานขนาดกลาง ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากนัก จากนั้นก็ส่งรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมตลาดอย่างต่อเนื่องหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเอ็มจี 3 เอ็มจี 5 จีเอส และแซดเอส จนกระทั่งมาเรียกเสียงฮือฮาได้มากจากการเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า หรืออีวี ในรุ่น แซดเอส อีวี

 

 

          แต่ล่าสุด เอ็มจี ตัดสินใจโดดลงมาเล่นในตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ ปิกอัพ ซึ่งปี 2561 มีสัดส่วนการขายถึง 45% ของยอดขายรถยนต์ทุกประเภท

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

 


          พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่ปิกอัพเป็นรถที่ผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้งานทำให้มีตลาดขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ นอกจากนี้พบว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ที่มีสัญญาณชะลอตัวในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเป็นการชะลอตัวของกลุ่มรถยนต์นั่งมากกว่ารถปิกอัพ เป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตลาดปิกอัพ
  

          และสิ่งหนึ่งที่พบจากการศึกษาคือยังมีสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากปิกอัพไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะ ความกว้างของห้องโดยสาร อุปกรณ์มาตรฐาน หรือระบบต่างๆ ที่ช่วยเสริมการขับขี่ การใช้งาน ไลฟ์สไตล์ และการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นแรกของเอ็มจี คือ “เอ็กซ์เทนเดอร์” (EXTENDER)
   

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

 

          เริ่มจากความใหญซึ่งเอ็กซ์เทนเดอร์กลายเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดขณะนี้ทำให้เอ็มจีตอกย้ำจุดนี้ด้วยข้อความที่สื่อสารทางการตลาดว่า “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ไม่ว่าจะป็นความยาว ความกว้าง ห้องโดยสารของรุ่น 4 ประตู หรือว่าพื้นที่กระบะบรรทุกสัมภาระ ซึ่งเอ็กซ์เทนเดอร์ไม่มีรถตอนเดียว หรือซิงเกิลแค็บ แต่บอกว่ารุ่นมีแค็บมีพื้นที่กระบะท้ายน้อยกว่าปิกอัพ ซิงเกิลแค็บยี่ห้ออื่น แค่ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร เท่านั้น




          จุดขายอื่น เช่น การเพิ่มลูกเล่นให้แก่รถปิกอัพ เช่น i–SMART ที่มีระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ระบบที่เอ็มจีเริ่มติดตั้งเป็นครั้งแรกในแซดเอส ก่อนขยายไปยังเอ็มจี 3 ก่อนหน้านี้เป็นระบบที่สั่งการให้โทรออก เปิด-ปิด หรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ วิทยุภายในรถ ค้นหาจุดสนใจ ได้ทั้งทางหน้าจอ ทัชสกรีน หรือว่าสมาร์ทโฟน
  

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

 

 

          พงษ์ศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเสริมแรงเบรก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน กล้องมองภาพรอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า และกล้องมองหลัง เป็นต้น แต่ทั้งนี้อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย
   

          เอ็กซ์เทนเดอร์มี 2 ตัวถัง คือ ไจแอนท์แค็บ หรือปิกอัพมีแค็บ ซึ่งมี 5 รุ่นย่อย ราคา 5.49-7.29 แสนบาท และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู 5 รุ่นย่อย ราคา 7.59 แสนบาท-ไปจนถึง 1.02 ล้านบาท ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยเป็นราคาที่หากเทียบกับค่าเฉลี่ยรถในกลุ่มเดียวกัน เอ็มจี ยืนยันว่าถูกกว่า 10%
   

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

 

 

          ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที พร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ และแบบธรรมดา 6 จังหวะ ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน โดยในรุ่น Double Cab จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
   

          ช่วงล่าง EUROPEAN TUNING SUSPENSION ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น ส่วนภายในห้องโดยสารจุดขายคือวัสดุให้สัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) แผงหน้าปัดสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยในรุ่นดับเบิลแค็บเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระและช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ชูราคา ความใหญ่ ชิงตลาดปิกอัพ

 

 

          “เราตั้งเป้าให้เป็นรถที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าที่กำลังมองหารถสำหรับการใช้งานและใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว พัฒนาให้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ด้วยขนาดมิติตัวถังขนาดใหญ่ สมรรถนะที่โดดเด่นจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรล ประหยัดน้ำมันและประหยัดค่าบำรุงรักษา เพราะเอ็กซ์เทนเดอร์ กำหนดตรวจเช็กตามระยะทุก 2 หมื่นกม. และมีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน 1 แสนกม. ประมาณ 2 หมื่นบาท"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ