คอลัมน์... ยานยนต์
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 เปิดตัว มา 2 ขุมพลัง คือเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งผมเคยนำเสนอผลการทดลองขับไปแล้ว และวันนี้ก็ถึงคิวของรุ่นไฮบริดกันบ้าง ในเส้นทางที่สวยงาม ท้าทาย กระบี่-พังงา ทั้งทางหลวงขนาดใหญ่ 4 เลน ทางเล็กๆ 2 เลน สวนทาง และเส้นทางที่ตัดผ่านชนบท ป่าเขา สวนยาง สวนปาล์ม รวมระยะทางประมาณ 153 กม.
แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ซึ่งมี 2 รุ่นย่อย คือรุ่น HYBRID ราคา 1,639,000 บาทรุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท ตัวรถออกแบบให้โฉบเฉี่ยว สปอร์ต ให้อารมณ์เหมือนรถคูเป้มากขึ้น จุดเด่นของการออกแบบก็คงเป็นเรื่องของเส้นสายที่ไฟหน้าที่ออกแบบดูโฉบเฉี่ยว ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันและกระจังหน้ารูปแบบใหม่
ส่วนไฟท้ายแอลอีดี เสริมอารมณ์สปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง เสาอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยแนวสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว และมีซันรูฟ ที่ควบคุมการเปิดปิดด้วยไฟฟ้า
ระบบขับเคลื่อนเรียกว่า Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แอทกินสัน-ไซเคิล DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์วและมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งมีหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อและอีกตัวมีหน้าที่ในการแปรพลังจากเครื่องยนต์เป็นไฟฟ้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขับเคลื่อน
ฮอนด้าพยายามทำให้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์มากที่สุด ซึ่งทำให้ได้แรงบิดมากกว่า ความกระฉับกระเฉงที่มากขึ้น
การทำงานร่วมกันทำให้แอคคอร์ดไฮบริดใหม่ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์เป็นอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามข้อมูลโรงงาน 24.4 กม./ลิตร
แต่การขับจริงในเส้นทางที่ว่าผมได้ประมาณ 12 กม./ลิตร แต่เป็นการขับที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูงตลอดเวลา เพราะอยากจะรู้การตอบสนองของขุมพลังว่าจะเป็นอย่างไร และไฮบริดจะตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตได้ไหม คำตอบคือ ทำได้สบายๆ ครับ
โหมดการขับขี่นั้นมีทั้งการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) ให้เลือก ซึ่งโหมด EV ก็ใช้ได้ไม่นานนัก เพระเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20% ระบบก็จะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานทันที
จุดเด่นของแอคคอร์ด ไฮบริด คือความคล่องตัว ช่วงการเปลี่ยนความเร็ว เช่น การเร่งแซง ในช่วงถนนแคบๆ เพราะได้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ขณะที่่ช่วงล่างก็ถือเป็นจุดเด่นของดี-เซ็กเมนต์คันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ทีมวิศวกรที่สามารถกระจายน้ำหนักลงพื้นระหว่างล้อกับล้อหลังได้ดีกว่ารุ่นเดิม แม้จะยังทำได้ไม่ถึง 50/50 แต่ก็ใกล้เคียง ทำให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น รถมีความคล่องตัวสูง ซึ่งเห็นได้ชัดจากช่วงที่ต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาที่รถทำได้กระฉับกระเฉงและการโยนตัวน้อยครับ
แอคคอร์ด ไฮบริดใหม่ ยังมีจุดขายที่สำคัญคือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เรียกว่า Honda SENSING ซึ่งมีการทำงานของหลายระบบ เช่น ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure MitigationSystem with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
ทั้งนี้เจเนอเรชั่นที่ 10 เพิ่มเติมระบบความปลอดภัยจากเจเนอเรชั่นก่อนหน้าเข้าไปอีกได้แก่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
นอกจากนี้ยังมีระบบ กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System - MVCS) ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) และระบบช่วยจอดพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
ระบบช่วยจอดทำได้ทั้งการจอดแบบขนาน และการจอดแบบเข้าซอง ซึ่งการทดสอบครั้งนี้ทางฮอนด้าจัดแบบเข้าซอง
ซึ่งรถก็ทำงานได้ดี การใช้งานก็ไม่ยากอะไร เพียงแต่ทำตามคำแนะนำของรถที่แสดงบนมอนิเตอร์เท่านั้น โดยผู้ขับมีหน้าที่หลักๆ 2 อย่าง คือ เปลี่ยนเกียร์ กับเบรก ส่วนที่เหลือคือการหมุนพวงมาลัยเป็นหน้าที่ของรถ รวมถึงการเบรกฉุกเฉินหากเห็นว่าเราทำท่าจะไม่เบรก เมื่อท้ายรถมีความเสี่ยงจะชนกับสิ่งกีดขวาง
เรื่องพวกนี้อธิบายเป็นคำพูดยาก ทางที่ดีเข้าโชว์รูมไปขอลองดู จะดีกว่าครับ
โดยสรุปแอคคอร์ด ไฮบริด เรียกว่าได้ทั้งความประหยัดเพิ่มขึ้น และเพิ่มเติมด้วยสมรรถนะ อารมณ์สปอร์ตที่ได้จากระบบไฟฟ้าครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง