ข่าว

ฮือฮา พบ"สัตว์ป่า" เพิ่มจำนวนมาก ในพื้นที่เตรียมประกาศ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฮือฮา พบ "สัตว์ป่า" เพิ่มจำนวนมาก ในพื้นที่เตรียมประกาศเป็น เขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ ทั้งเสือโคร่งพันธุ์อินโด-ไชนีส เสือลายเมฆ กระทิง

นายประวุธ เปรมปรีดิ์ หัวหน้าหน่วยควบคุมพื้นที่เตรียมการประกาศ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า พื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ กจ.209 ซึ่งอยู่ในความปกครอง ดูแล และใช้ประโยชน์ของกองพลทหารราบที่ 9 กองทัพบก โดย กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นเจ้าของ เป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อน และมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ รอยต่อ อ.ศรีสวัสดิ์ และ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี

 

 

มีความเหมาะสมที่จะประกาศเป็นเขตห้ามล่า "สัตว์ป่า" เป็นอย่างยิ่ง โดยการประกาศ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า นั้น ไม่กระทบต่อสถานภาพของที่ดินเดิม ซึ่งผู้ดูแลและใช้ประโยชน์ในที่ดินยังคงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดิม เป็นมาตรการเพิ่มความผิด มีบทลงโทษที่หนักขึ้นกว่าสถานะของที่ดินเดิม

 

อีกทั้งจะเป็นการเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเข้ามาช่วยดูแลรักษาป่าไม้ "สัตว์ป่า" และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของฝ่ายทหาร โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีเนื้อที่รวมประมาณ 219,000 ไร่ แบ่งเป็น

 

 

1. พื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เชื่อมกับอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ดังนั้นถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเชื่อมพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นทางเดินของสัตว์ป่า ซึ่งจะกระจายตัวจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร - ห้วยขาแข้ง ลงมายังทางใต้ของผืนป่าตะวันตก ในบริเวณพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์

 

 

2. พื้นที่ส่วนขยายพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ เดิมพื้นที่ดังกล่าวจะถูกประกาศให้เป็นส่วนขยายของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ แต่กองทัพบกไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่ และบริเวณนี้ พื้นที่ราชพัสดุถูกทับซ้อนด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ป่าโรงงานกระดาษไทยแปลงหก กรมป่าไม้

 

 

3. พื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสลอบ พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียน ที่ กจ.209 ประชิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งกองทัพบกใช้ฝึกภาคสนาม และมีการลาดตระเวน ตรวจพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ แต่การลาดตระเวนดังกล่าวไม่ครอบคลุมการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ โดยเฉพาะทรัพยากรสัตว์ป่า หากพื้นที่บริเวณนี้ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จะเป็นพื้นที่กันชนให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุมได้เป็นอย่างดี

 

สภาพผืนป่า

 

พื้นที่ทั้ง 3 แห่ง อยู่ประชิดกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยรอบ จึงมีทรัพยากร "สัตว์ป่า" อพยพเคลื่อนย้ายและอาศัยอยู่อย่างชุกชุม หากประกาศเป็น เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จะมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 บังคับใช้ในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ และป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่ง พื้นที่ทั้ง 3 แห่งนี้ ประสบปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ การตัดไม้ การบุกรุกพื้นที่ การเก็บหาของป่า การเลี้ยงปศุสัตว์โดยรอบพื้นที่ และเกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า ได้แก่ ช้างป่า ซึ่งกองทัพบกและกรมธนารักษ์ไม่ได้มีหน้าที่ภารกิจโดยตรงสำหรับบริหารจัดการเรื่องต่างๆ เหล่านี้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ หากพื้นที่ไม่ได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

 

 

ปัจจุบันจึงมีแผนการดำเนินงาน โดยได้รับความร่วมมือและสนับสนุนงบประมาณจากภาคเอกชน ได้แก่องค์การ Panthera ประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนจาก Rainforest Trust , มูลนิธิสืบนาคะเสถียร , WWF ประเทศไทย , ZSL ประเทศไทย หวังที่จะปกป้องพื้นที่สามแห่งในผืนป่าตะวันตกทางใต้ เพื่อป้องกันความเสียหายทางระบบนิเวศที่อาจจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวในอนาคต

 

 

โดยจะขออนุญาตใช้พื้นที่ราชพัสดุทั้ง 3 แห่งนี้ ให้ได้รับการประกาศเป็น เขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยองค์กรแพนเทอราเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ได้รับทุนสนับสนุนจาก Rainforest Trust ในการดำเนินโครงการ เพื่อสนับสนุนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการประชาสัมพันธ์ ประชุม กับส่วนราชการต่างๆ และชุมชนที่เกี่ยวข้อง จัดจ้างบุคลากร และการก่อสร้างหน่วยพิทักษ์ป่า และจุดสกัด รวมทั้งสนับสนุนการฝึกอบรมการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) การลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เรื่องเทคนิคการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ และการบันทึกข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ จัดทำเอกสารเผยแพร่ เช่น แผ่นพับ คู่มือ ซื้อจักรยานยนต์ 5 คัน สนับสนุนอุปกรณ์สำนักงาน สนับสนุนอุปกรณ์สนาม การลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าอีกด้วย
 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองทัพบกและกรมธนารักษ์ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ และยินยอมให้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าไปช่วยดูแล พบว่าขณะนี้สัตว์ป่าที่กล้องสามารถจับภาพได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นและฟื้นตัวกลับมาแล้ว 
 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า "สัตว์ป่า" ที่พบมี อาทิ เสือโคร่งพันธุ์อินโด-ไชนีส หรือเสือโคร่งอินโดจีน เสือลายเมฆ กระทิง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่สัตว์ป่าหายากเหล่านี้ได้กลับคืนมาสู่ผืนป่าไทย

 

เสือที่พบในป่า

ตรวจสภาพผืนป่า

 

 

โดย : สุพจน์ แก้วกาสี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ