นักวิชาการ ชี้ 'แกงไตปลา' ไม่ได้แย่แค่คนชิมไม่รู้วิธีกินที่ถูกต้อง

4 เม.ย. 2567   ทันทีที่ เว็บไซต์ TasteAtlas ออกมาเผยการจัดอันดับ 100 เมนูยอดแย่ของโลกปรากฏว่า แกงไตปลา ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นทางภาคใต้ของไทย ได้อันดับ 1 เมนูยอดแย่ของโลก ปรากฎว่าเกิดประเด็นดราม่าขึ้นมาทันที  ผู้ที่ชื่นชอบ แกงไตปลา ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ช่วยกันติดแฮชแท็ก #saveแกงไตปลา 

ดร.วิชชุลฎา ถาวโรจน์ อาจารย์ประจำหลักสูตรอาหารและโภชนาการ สาขาคหกรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย)  เปิดเผยว่า แกงไตปลา ไม่ได้แย่อย่างที่คิด มันขึ้นอยู่กับรูปแบบของการกินเฉพาะตัว เช่น หากไปกินแบบซุปก็จะทำให้รสชาติอาจจะไม่ถูกปากได้โดยเฉพาะชาวต่างชาติ

ซึ่งโดยกระบวนการผลิตของไตปลาแยกออกเป็นสองส่วน หนึ่งส่วนประกอบของไตปลาที่เป็นหลักที่เป็นเป็นตัวไตปลาที่ผ่านการหมักมาได้มาจากเอาเครื่องในปลาออกซึ่งเป็นส่วนเหลือของปลาสดและเครื่องแกงปลาแล้วก็ผัก 

ซึ่งเราจะเห็นว่าโดยกระบวนการหมักก็จะมีเชื้อของธรรมชาติซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อที่มีมีประโยชน์มีแลคติคแอซิดแบคทีเรียซึ่งเชื้อพวกนี้พอหมักเป็นไตปลาปุ๊บก็จะมีวิตามินที่ได้มาจากกระบวนการหมัก นอกจากนี้ก็มีส่วนของเครื่องแกงปลาและผักนานาชนิดซึ่งเป็นสมุนไพรซึ่งพอมารวมกันก็จะทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากยิ่งขึ้น

ดร.วิชชุลฎา ยังกล่าวอีกว่า กระบวนการจัดลำดับอาหารนั้นต้องมองว่าเขาเสิร์ฟแบบไหนเวลาชิมอาหารแล้วให้คะแนน คนชิมจะต้องรู้ว่าธรรมชาติของอาหารประเภทนี้เป็นแบบไหนกินกับอะไร และผู้ทดสอบที่ให้คะแนนเป็นใครหากเป็นต่างชาติก็ต้องดูว่า ได้มีการแนะนำวิธีการกินหรือไม่ ซึ่งหากให้คนหมู่มากชิมแล้วให้คะแนนจัดลำดับมันก็ไม่แฟร์กับของมีประโยชน์แบบนี้ 

สุดท้าย ดร.วิชชุลฎา ในฐานะนักวิชาการด้านอาหารและคนใต้แท้ๆ ทิ้งท้ายว่า ทุกครั้งหากมีโอกาสรับประทานอาหารแกงไตปลาคือสิ่งแรกที่จะเลือกและความคิดเห็นส่วนตัวของการจัดอันดับแกงไตปลาเป็นอาหารยอดแย่ ตนเองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งจึงมองว่าคนชิมน่าจะขาดความรู้และการแบ่งประเภทของอาหารว่าต้องกินแบบไหน จึงไม่เห็นด้วยกับการจัดลำดับอาหารแบบนี้

วิกันดา ขันธ์แก้ว จ.สงขลา